xs
xsm
sm
md
lg

“กรมน้ำบาดาล” จับมือ “ธ.ก.ส.” ช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ใช้น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 1,414 แห่ง มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (10 ก.ย.) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมประชุมขับเคลื่อนแนวทางความร่วมมือตาม MOU เรื่อง “การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้น้ำบาดาลเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน”วางเป้าหมายต่อยอดช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ใช้น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 1,414 แห่ง ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสามารถเป็นต้นแบบ มีองค์ความรู้ และสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน โดยมี รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นประธานและนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มีโอกาสนำกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และ ธ.ก.ส. มาทำงานร่วมกัน เพราะต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากมีการลงนามใน MOU ตั้งแต่ปี 2563 ทั้งสองหน่วยงานต่างก็ประสานความร่วมมือกันเป็นอย่างดีทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ การประชุมครั้งนี้ เพื่อมาร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวทางการดำเนินงานในปีต่อไป เพื่อให้ได้ต้นแบบ ธนาคารองค์ความรู้ และสร้างความยั่งยืน แก่ประชาชนและเกษตรกรต่อไป

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานเดียวในประเทศไทยที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องน้ำใต้ดิน และมีพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ที่ใช้กำกับควบคุมการประกอบกิจการน้ำบาดาลให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งในอดีตกรมทรัพยากร น้ำบาดาลได้มีการจัดหาน้ำบาดาล แต่ยังขาดการต่อยอดการปลูกผลผลิตเพื่อความยั่งยืน เช่น การนำน้ำบาดาล ไปใช้เพื่อการเกษตร ประชาชนอาจจะไม่มีแหล่งเงินทุนที่จะนำน้ำบาดาลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น ท่านอาจารย์วิโรจจึงแนะนำให้เชิญ ธ.ก.ส. มาช่วยส่งเสริมสนับสนุนเงินทุนและด้านวิชาการให้เกษตรกรสามารถ นำน้ำบาดาลไปใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2563 ธ.ก.ส. และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีเป้าหมายในการต่อยอดโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรตาม MOU ในพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,414 แห่ง ดำเนินการไปแล้ว 520 แห่ง คงเหลือที่จะดำเนินการต่อในปี 2565 อีกจำนวน 894 แห่ง

ด้านนายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการใหญ่ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. ให้ความสำคัญกับการบริหาร จัดการน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้เกษตรกรดำรงชีพอยู่ได้ และสร้างผลผลิตทางการเกษตร ที่ผ่านมาการดำเนินงานของ ธ.ก.ส. และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคบ้างจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม ธ.ก.ส. ก็ยังมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการความร่วมมือ ตาม MOU ต่อเนื่องต่อไป โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบเพิ่มเติม คือ คน กระบวนการ และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายสุดท้ายเพื่อทำให้ประชาชนรู้ รักษ์ และใช้ประโยชน์ รวมถึงบริหารจัดการน้ำบาดาลได้อย่างยั่งยืน
















กำลังโหลดความคิดเห็น