“ศรัณย์วุฒิ” แหกมติเพื่อไทย งดออกเสียง 5 รมต. ไม่ไว้วางใจแค่ “ประยุทธ์” คนเดียว แฉแหลกพรรคฝ่ายค้านเอาชื่อรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 คนความผิดไม่ชัดเจนมาใส่ เพื่อต่อรองการเมือง แล้วบังคับ ส.ส.ให้ลงมติซ้ายหันขวากันตามพรรค เปรียบเป็นคลุมถุงชนทางการเมือง รับไม่ได้ ท้าพรรคไล่ออก พร้อมเจอกันทุกเวที
วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงที่รัฐสภา ก่อนการลงมติในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลใน ว่า ตนจะโหวตสวนมติพรรคเพราะรับไม่ได้กับข้อมูลที่ได้ทราบมาว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคทำมาหากินกับการอภิปรายโดยการนำชื่อรัฐมนตรีที่ไม่มีความผิดจริง รวมถึงข้อมูลไม่ชัดเจนมาใส่ในการอภิปรายครั้งนี้อย่างน้อย 3 คน แล้วในการใส่ชื่อรัฐมนตรี 3-4 คนนั้น ทำเพื่อการต่อรองคือ 1.การต่อรองทางการเมือง 2.ต่อรองเรื่องผลประโยชน์ และ 3.เก็บไว้เป็นตัวประกัน นี่คือพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งตนรับไม่ได้ และไม่เคยคิดว่าในประเทศไทยหรือสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้จะมาเป็นเครื่องมือของบุคคเหล่านี้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งเดียว ทำมาหลายครั้งแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สอง ตนได้ฟังการอภิปรายแล้วรัฐมนตรีหลายคนตอบก็มีเหตุผล แล้วการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน การซักถามประเด็นไม่ชัดเจน หลักฐานก็ไม่เพียงพอ แต่ก็มีการคลุมถุงชน สั่งให้ลงมติซ้ายหันขวาหันซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ใช่ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ไม่ใช่ ส.ส.ของปวงชนชาวไทย
“ศรัณย์วุฒิไม่ใช่ ส.ส.ของใครนะครับ ย้ำนะครับ เป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ใครจะมาจูงจมูก ลากไปลากมา แล้วก็ต้องลงมติตามที่พรรคต้องการ หรือเขาต้องการ แต่ผมอยากให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของปวงชน ไม่ใช่พรรคของเจ้าของ หรือเป็นบริษัท อันนี้มันผิดระบบ ผมอยากเห็นสถาบันการเมืองเกิดขึ้นจริง แต่บ้านนี้เมืองนี้จะได้เห็นมั้ย นี่คือสิ่งที่ผมรับไม่ได้”
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวอีกว่า ประการที่สาม มีมติออกมาเป็นหนังสือแล้วลาก ส.ส.ไปเซ็นชื่อว่าจะต้องลงมติตามพรรค ตั้งแต่ยังไม่ได้อภิปรายเลย ตั้งแต่วันเริ่มต้นก็ใส่ชื่อกันหมดแล้ว เรียก ส.ส.ไปเซ็นชื่อ ซึ่งตนรับไม่ได้ นี่มันคือการคลุมถุงชนทางการเมือง
“และที่แย่กว่านั้น ทราบไหมครับ อย่างกรณีผมจะขออภิปราย ไม่ให้อภิปราย แต่จะมาบังคับให้ลงมติตามพรรค ท่านสื่อมวลชนลองคิดดูว่าคนอย่างศรัณย์วุฒิจะยอมหรือ เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ ขอประกาศกร้าวต่อประชาชนทั้งประเทศ ผมอยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนแปลง อยากเห็นการเมืองไทยดีกว่านี้ และสิ่งเหล่านี้ผมรับไม่ได้ ผมจะไม่ปฏิบัติตามมติพรรค และผมจะโหวตสวนในสิ่งที่ผมเห็นว่าถูกต้อง” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า ทางพรรคมีบทลงโทษและคาดโทษกับ ส.ส.ที่ไม่ทำตามมติพรรค นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า คาดโทษก็คาดไป แต่เหตุผลของตนมีอย่างนี้ พี่น้องก็ตัดสินเอาเองว่า ถ้าพรรคการเมืองคาดโทษ ส.ส.ของปวงชนชาวไทยแบบนี้ ท่านรับได้หรือ แล้วถ้าตนไปยอมอย่างนั้น ก็ไม่ควรเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย สู้สมัครเป็น ส.ส.ของพรรคนั้นแล้วก็ไปประกาศชัดเลยว่าจะขอรับใช้พรรคนั้นเท่าชีวิต จะขอเป็นทาสรับใช้ตลอดไป เอาอย่างนั้นหรือ
นายศรัณย์วุฒิ ย้ำว่า การอภิปรายครั้งนี้ มีพรรคฝ่ายค้านที่เอาชื่อรัฐมนตรีที่ยังไม่มีความชัดเจนเข้ามาใส่เพื่อเล่นการเมือง เพื่อต่อรอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ตนจะไม่ระบุชื่อพรรค แต่มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นี่คือ เกมการเมือง การที่เล่นการเมืองแบบนี้ เอารัฐมนตรีที่อาจจะยังไม่มีความผิดจริงเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานการเมืองกันอย่างนี้ แล้วก็บังคับให้ ส.ส.โหวตตามนั้น ตนรับไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนไม่กี่คนที่ไปรับปาก ได้รับประโยชน์อะไรเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า แต่บังคับ ส.ส.ทั้งพรรคให้ทำตาม อันนี้รับไม่ได้จริงๆ ทั้งนี้หากถูกพรรคลงโทษก็ต้องยอม ยินดีทำเพื่อประชาชน
“ก็ผมได้ประกาศแล้วไง ว่าเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ถูกพรรคจูงจมูก ถ้าพรรคจะทำอย่างนี้ ก็เจอกัน เจอกับผมแน่นอนเลย ทุกเวที ผมไม่กลัวเลย” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า หากถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทย มีพรรคสำรองแล้วหรือไม่ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้อยู่ในความคิดเลย ตนอาจจะไปอาศัยพรรคที่ไหนก็ได้ หากเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ แต่ยังไม่ได้อยู่ในความคิด
เมื่อถามอีกว่า ยังมีคนที่คิดอย่างนายศรัณย์วุฒิอีกหรือไม่ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ก็มี แต่ไม่กล้าออกมาพูด ไม่กล้า เพราะว่าบางคนเราก็เห็นใจเขา เป็น ส.ส.บทบาทผลงานก็ยังไม่แกร่งกล้าพอที่จะออกมาประทะแบบนี้ แล้วก็กลัวว่าคราวหน้าพรรคจะไม่ส่งลงเลือกตั้ง
“แล้วพรรคการเมืองก็มักจะมีพฤติกรรมว่าคราวหน้าผมจะไม่ส่งคุณลงนะ ถึงเวลาก็จะเรียกไปต่อรอง แล้วก็มีคนนั้นคนนี้มาขอแย่งลง ทำเป็นว่ากระแสพรรคดี แต่จริงๆ ข้างในเน่าครับ เน่าเลยนะครับข้างใน”
เมื่อถามว่าหากครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ส่งลงเลือกตั้งนายศรัณย์วุฒิจจะไปลงพรรคอื่นหรือไม่ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่มีความคิดอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ แต่การเป็นนักการเมืองนี่มันต้องมีความพร้อมทุกอย่าง พร้อมทุกมิติทุกเวลา ไม่เช่นนั้นอย่ามาเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย และตนเป็น ส.ส.เขตที่ผ่านการเลือกตั้งมา ขออนุญาตต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตนไม่เคยซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว การชนะเลือกตั้งมาทุกครั้งด้วยรักและศรัทธาของของประชาชน เพราะการลงพื้นที่และทำงานหนัก เป็นการเจริญรอยตามประธาน ชวน หลีกภัย ที่ไม่เคยซื้อเสียง อันนี้ขอชื่นชมท่าน
ภายหลังจากการลงมติแล้ว นายศรัณย์วุฒิ เปิดเผยว่า ตนได้ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ส่วนรัฐมนตรีอีก 5 คน ตนงดออกเสียง