ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เต้ หรือ เต้า ทำลุงฉุน...เชื่อมันหรือ? “แจกกล้วย” VS “ถุงขนม” อนิจจังทั้งหมดนี้ เพราะสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน
อภิปรายใน-นอกสภาฯ เมื่อวันวาน (2 ก.ย.) มีความเคลื่อนไหวสอดรับกันจนเป็นเรื่องรุมสุมไฟให้คอการเมืองครางฮือไปตามๆกัน โดยเฉพาะกับการปล่อยมุก “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาห้อยโหนหาแสงเข้าตัว ด้วยการโพสต์รัวๆ ท่ามกลางการปล่อยกระแสข่าวล็อบบี้โหวตคว่ำ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พาดพิงไปถึง “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
โดย “มงคลกิตติ์” โพสต์ว่า “ข่าวว่า!!! นายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ แล้ว ถึงเวลาสงครามของผู้แทนของประชาชน+ประชาชน แล้ว ลุงคนดี vs ประชาชน”
ตามด้วย “ถ้านายแน่จริง!!! นายก็ปลด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกคนสิ”
งานนี้พอสบจังหวะสื่อเจอ “ลุงตู่” ก็เลยถาม จริงเท็จเป็นเช่นไร ซึ่งก็ได้คำตอบมาสั้นๆ พร้อมอาการฉุนตามสไตล์ลุง ว่า ...“เชื่อมันหรือ?”
ส่วน “ร.อ.ธรรมนัส” คนที่ตกเป็นข่าว มองว่า “มงคลกิตติ์” คงไม่ได้ประสงค์ร้ายกับตัวเอง ส่วนเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ ก็ต้องไปถาม “เต้” เอาเอง
“ร.อ.ธรรมนัส” ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้คุยกับนายกฯ แต่ได้คุยกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ของตัวเองไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับ “ลุงป้อม” ตัวเองพูดเสมอว่าทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรค ที่จะให้นโยบายอย่างไร แต่ทุกอย่างก็อยู่ที่เอกสิทธิ์ เพราะเป็นสิทธิของ ส.ส.แต่ละคน ว่าจะตัดสินใจในเรื่องเสียงโหวตในสภาฯอย่างไร ไปครอบงำเขาไม่ได้
เรื่องนี้แน่นอนว่า แม้พะยี่ห้อ “เต้” ณ ชั่วโมงนี้ ชาวเน็ตคอการเมืองมักจะมองเขาว่า เป็นดาวหิวแสง ขยันเลี้ยงแกะ และความที่ระยะหลังๆ ที่ชอบ “ด้อยค่า” ตัวเอง อย่างเช่น ท้าตีท้าต่อยนายกฯ ไปจนถึงเตรียมมอบฉายาใหม่ จาก “เต้ 007” ให้เป็น “เต้า 007” หากเรื่องที่โพสต์ไม่มีมูลความจริง
แต่ก็อย่างว่า ทิศทางลมการเมืองในเวลานี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็มีบางกระแสที่เชื่อว่า ถ้า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” ประสาอะไรกับ “เต้” ที่จับกระแสพวกนี้ได้ไว น้ำหนักของ “ข่าวปล่อย” จึงพอมีให้สืบสาวราวเรื่องอยู่บ้าง
ยิ่งสำทับซ้ำจาก “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โพนทะนากล่าวหา “ลุง” กลางสภาฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จ่ายเงินให้ ส.ส. 5 ล้านบาท ที่ชั้น 3 การทำแบบนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจ ส.ส.ไปรับเงินนายกฯ 5 ล้านบาท เป็นไปได้อย่างไร ประเทศไทย จะอยู่กันเช่นนี้หรือ หน้าไม่อาย ทำแบบนี้ในสภาฯได้อย่างไร จ่ายเงินคนละ 5 ล้านบาท แลกกับการลงคะแนนโหวตไว้วางใจ ซึ่งก็ปรากฏว่า ส.ส.พลังประชารัฐ ต่างลุกขึ้นประทัวงกันวุ่น
สภาฯร้อนขึ้นมาทันที จนกระทั่งต่อมา “พล.อ.ประยุทธ์” มาตอบว่า ที่กล่าวหามีคนมาพบ ไม่ใช่คนแบบนั้น มีคนมาพบเพราะไม่ค่อยได้เจอกัน มาคารวะให้กำลังใจ ...“ผมไม่ทำบ้าๆ บอๆ ไม่ทำถุงขนมอยู่แล้ว”
อันว่า “ถุงขนม” ที่ลุงตู่สวนกลับมาใส่ “เพื่อไทย” จะเป็นถุงขนมอื่นคงไม่ได้ นอกจาก “ถุงขนม” ในตำนานที่เคยเป็นคดีความหิ้วถุงขนมใส่เงิน เจตนาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่เคยเป็นเรื่องอื้อฉาวของคนพรรคเพื่อไทย ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ถือเป็นของแสลงทุกครั้งที่ถูกพูดถึง
ทั้งหมดทั้งมวลเรื่องทำนองนี้คงจะไม่เกิดขึ้น หากเป็นช่วงเวลาที่ “ลุงตู่ขาขึ้น” หรือในวันที่ “พี่น้อง 3ป.” มีแต่วันชื่นคืนสุข แต่พอเวลาผ่านมาถึงวิกฤตโควิด ลุงๆ ทั้งหลายก็ต้องย้อนกลับมาดูผลงานตัวเอง และก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า คะแนนนิยม และความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อลุงนั้น มันลดฮวบๆ จนไม่มีดี
อนิจจัง อนิจจา ทำนองจะโทษว่าใครคงไม่ได้ เพราะ ...“สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ....นั่นแล”
** อย่างนี้ต้องประท้วง!! “บิ๊กตู่” ชี้แจงไป สูดน้ำมูกไปถึง 98 ครั้งแล้ว กลัวเอาเชื้อมาปล่อยในห้องประชุม
ศึกซักฟอกรอบนี้ สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วถือว่า “หนักสุดๆ” ไหนจะต้องรับมือในสภา จากลีลาเชือดเฉือนของฝ่ายค้านที่ครั้งนี้อภิปรายแบบ ไม่เน้นเอกสารหลักฐาน แต่เน้นวาทกรรม ...แบบว่าถ้าไปพูดนอกสภาฯ รับรองโดนฟ้องหมิ่นประมาท นับจำนวนคดีกันไม่หวาดไม่ไหว
...ใจดำ ผู้นำโง่ โอหัง คลั่งอำนาจ มือถือสากปากถือศีล ... ค้าความตาย นายกฯหากินบนซากศพของประชาชน...ยุคนี้สัปเหร่อทำงานหนักกว่านายกฯ คนตายจนเมรุระเบิด เตาเผาศพพังยังไม่รู้สำนึก ... เรียกว่าแต่ละคนช่างสรรหาถ้อยคำมากระทบกระเทียบ เปรียบเปรย แข่งกันคัดเอาแบบที่เจ็บที่สุด !!
ขณะที่แรงกดดันจากฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง ก็สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจไม่แพ้กัน เจอปล่อยข่าว ทั้งจะโหวตคว่ำนายกฯ…แอบอ้างเบื้องสูงว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ...รัฐบาลไปไม่รอดเพราะปัญหาภายในต้องยุบสภาแน่ ต่อรองขอตำแหน่ง ขอกล้วย ...
เจอศึกรอบด้านแบบนี้ ต่อให้เป็นชายชาติทหาร พื้นฐานแกร่งแค่ไหน ก็ต้องกินไม่ได้ นอนไม่หลับกันบ้างล่ะ ... แม้จะพยายามสวดมนต์ ก็คงจะสงบจิตสงบใจยาก
วันวาน “บิ๊กตู่” จึงเข้าสภาฯไปในสภาพอิดโรย ที่แม้แต่สื่อยังออกปากทัก ยิ่งถูกถามถึงความกังวล กับผลโหวตที่จะออกมาหรือไม่ ก็ได้แต่ตอบแบบเนือยๆ ว่า ก็ขึ้นอยู่กับ ส.ส.เขาจะเอายังไง
เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ก็ยังต้องไปตอบ ไปชี้แจงการอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่โจมตีมาสารพัด ทั้ง
เรื่องล็อกดาวน์ ไม่ได้ผล ยังมีการแพร่ระบาด แต่เศรษฐกิจพินาศย่อยยับ การสั่งปิดแคมป์ ปล่อยให้แรงงานกลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัด เลยทำให้โควิดลามไปทั่วประเทศ
เรื่องการจัดหาวัคซีนช้า สั่งวัคซีนที่ด้อยคุณภาพ เพื่อหวัง “เงินทอน” ...นายกฯ ก็ได้แต่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า อย่าไปด้อยค่าวัคซีน จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขออย่าพยายามดิสเครดิตประเทศของตัวเอง ต้องดูข้อเท็จจริงบ้าง ว่า สถานการณ์ในต่างประเทศเขาเป็นอย่างไรกัน เพราะนายกฯก็ไม่ได้พอใจที่เห็นคนติดเชื้อจำนวนมาก ก็กำลังพยายามหาวิธีลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงมาให้เร็วที่สุด
ด้วยสภาพที่อิดโรย พักผ่อนน้อย นายกฯจึงมีอาการคล้ายคนเป็นหวัด หรือแพ้อากาศ คัดจมูก น้ำมูกไหล ชี้แจงไป สูดน้ำมูกไป ทำเอา “ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องลุกขึ้นประท้วง ว่า ตั้งแต่นายกฯลูกขึ้นชี้แจง ก็ต้องสูดน้ำมูกตลอดเวลา ตนนับได้ 98 ครั้งแล้ว จึงขอประท้วงประธานในที่ประชุม ว่า เหตุใดจึงปล่อยให้คนเป็นหวัด เข้ามาในห้องประชุม เพราะอาจมีการแพร่เชื้อได้
เมื่อมีการประท้วงอย่างตั้งอกตั้งใจ ขนาดนับจำนวนการสูดน้ำมูก เช่นนี้ “ท่านรองศุภชัย โพธิ์สุ” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ก็ต้องวินิจฉัย และก็เห็นด้วยกับผู้ประท้วง จึงขอให้นายกฯ ถอดหน้ากากอนามัย แล้วเข้าไปชี้แจงยังโพเดียม ที่จัดเตรียมไว้ให้ … เล่นเอา “บิ๊กตู่” หมดอารมณ์ ตัดจบ ไม่ชี้แจงต่อ
นี่แหละสัจธรรมของช่วงขาลง แม้แต่เรื่องสุขภาพ ก็ยังถูกจ้องจับผิด ไม่ยอมให้ผ่าน !!