“บิ๊กตู่” สวนฝ่ายค้าน เอาแต่ดิสเครดิตอย่างเดียว ไม่ให้ความเป็นธรรม เย้ยเก่งจริงทำไมไม่ทำตั้งแต่เป็นรัฐบาล อย่ามาพูดหาเสียงในสภา อนาถใจมีแต่บิดเบือนไร้ข้อเท็จจริง ขออย่าเอาโซเชียลมาสู้ ให้เอาข้อมูลมา ยันรัฐบาลวางแผนอนาคต แต่มีคนมาทำลายความเชื่อมั่น สร้างความขัดแย้งตลอด มีวัคซีนให้ฉีดก็ยังด้อยค่า
วันนี้(1 ก.ย.) เวลา 11.30 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวอภิปรายชี้แจงฝ่ายค้านว่า ตนมานั่งฟังแต่เช้า ก็เห็นหลายคนไม่มีใครพูดดี ซึ่งก็ไม่มีใครพูดดีให้ตนอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญ เป็นฝ่ายค้านก็ต้องค้านอยู่แล้ว แต่ต้องมองประเทศชาติสำคัญ ตนยืนยันว่าทำเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด อาจจะมีอะไรที่ไม่สำเร็จบ้าง หรือสำเร็จไปแล้ว ท่านไม่ได้ติดตาม และไม่ได้มองในแง่มุมดีบ้างและไม่เคยนำไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลก่อนหน้านั้น กรุณาให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลและตนด้วย และที่บอกว่าตนไร้วิสัยทัศน์ ถือเป็นการดิสเครดิตเพียงอย่างเดียว ในสภาฯ ท่านพูดอะไรก็ได้อยู่แล้ว สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะเชื่อมั่นได้อย่างไร ท่านใช้คำว่าประชาชนทั้งประเทศทั่วประเทศ ยืนยันตนเตรียมความพร้อมทุกอย่างในเรื่องการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงในเรื่องกฎหมายอะไรที่จะปรับได้ต้องปรับ เพราะกฎหมายใช้มานานแล้ว และในช่วงสถานการณ โควิด-19 ไม่มีประเทศไหนที่มีจีดีพีสูง จนนำไปเปรียบเทียบกันว่าประเทศเราไม่มีอะไรดีเลย เพราะอย่าลืมว่ารัฐบาลดูแลประชาชนไปเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องการลดดอกเบี้ยและการขยายเวลาชำระหนี้ ท่านบอกว่าไม่เกิดประโยชน์ จึงขอให้ไปถามประชาชนอีก 30 -40 ล้านคนว่าได้หรือไม่ แต่จะได้มากอย่างที่ท่านพูดก็คงไม่ได้ เพราะท่านพูดย้อนแย้งกันไปหมดว่างบประมาณหาไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านเสนอมา ถ้าท่านเก่งจริง เรื่องพวกนี้ควรทำตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลท่านให้จบ ตนไม่อยากให้ท่านพูดเหมือนเวลาหาเสียง เพราะตรงนี้ไม่ใช่เวทีหาเสียง เป็นเวทีที่ต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา ตนฟังประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทั้งประชุมเองหรือเรียกมาพูดคุย แต่ไม่เคยเรียกใครไปหารือที่บ้าน ไม่เคยมีแขกไปที่บ้านเป็นเวลา 10 ปีมาแล้ว ไปเที่ยวหรือไปสถานที่ต่างๆ ไม่เคยไปนอกจากไปทำงานเท่านั้นที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ตนฟังที่ท่านพูดผ่านสื่อ ฟังแล้วก็อเนจอนาถใจเหมือนกัน ในการพูดที่ไม่มีข้อเท็จจริงและบิดเบือน ส่วนแผนการเปิดประเทศถ้าสามารถทำได้ในช่วงเดือน ต.ค.ก็ทำ เปิดเป็นบางจังหวัดไปก่อน แต่วันนี้การท่องเที่ยวถึงจะเปิดแต่หากมีการระบาดในโลกใบนี้ การที่นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวน้อยลงเสมอ แต่ประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ท่านเป็น ส.ส.จะต้องช่วยตนด้วย อย่าทำให้เกิดความแตกแยกเป็นสองฝ่ายเพราะจะไม่เกิดความร่วมมือและทำอะไรก็ไม่ได้ไม่สำเร็จ และเรื่องการชุมนมก็ยังมีคนพูดว่าเป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฏหมาย ถ้าถูกต้องตามกฏหมาย ใครจะไปทำอะไรท่าน และตนก็ไม่เห็นว่าเป็นการไม่สมควรที่มี ส.ส.บางคนไปอยู่เบื้องหลัง อย่าลืมว่ามีกฎหมาย ตนเองก็กลัวกฎหมาย เรื่องการทุจริต เพราะมีแบบอย่างมาแล้วมีคนทุจริตมาหาศาล มีคดีมีหลักฐานชัดเจน ถูกลงโทษและติดคุก หรือหนีคดี
“ท่านไม่ต้องมาขู่ผม เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ผมเคารพอยู่เสมอ ก็ว่ากันไปอย่ามาขู่กันบ่อย ย้ำว่าผมฟังเสียงประชาชนทุกอย่าง แต่จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการดำเนินการ ไม่ใช่ว่าขออะไรมาได้ทั้งหมด ฉะนั้นหลายอย่างอย่าให้ดราม่ามากนัก อย่าเอาข้อมูลตามโซเชียลออกมาพูด หรืออย่าเอาข้อมูลบางข้อมูลออกมาแสดง เพราะมันมีหลายสถิติ ท่านต้องวิเคราะห์ข้อมูลและสังเคราะห์ให้ดี ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของใคร และเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร แต่มีคนที่ออกมาพูดบ่อนทำลายในเรื่องนี้ทุกอย่าง พยายามทำทุกอย่าง เถียงผมมาว่าไม่มี ดังนั้นขอให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลทำงานทุกอย่าง ทั้งการแก้ปัญหาในเรื่องเดิมๆ ที่หมักหมมมายาวนาน และต้องแก้ปัญหาโควิด-19 และวางอนาคตของประเทศในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งหมด จะมาบอกว่าไม่มีอนาคตได้อย่างไร แต่ก่อนมีหรือไม่อนาคต รัฐบาลพยายามทำ แต่ท่านทำลายความเชื่อมั่นไปหมด แล้วประเทศชาติจะได้อะไร จากการที่เรามานั่งกันอยู่ตรงนี้ เวลาก็ผ่านไปวันๆ โดยที่ขัดแย้งกันตลอดเวลา แต่ผมก็ได้แต่ขอร้อง”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขการตกงานที่เพิ่มขึ้นสูง ท่านคิดหรือว่าตนไม่ทราบ ตนก็ทราบแต่กำลังหาทางดำเนินการ ประชาชนเดือดร้อนตนเข้าใจ แต่เราได้ทำแผนงานทุกอย่างไว้เรียบร้อย เมื่อเปิดประเทศก็พร้อมเดินหน้าในทุกด้าน ทั้งนี้ ตนเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สนับสนุนทุกรัฐบาลและสนับสนุนรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย และพอตนเข้ามาเอง ตนก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นอย่ามาอ้างตรงโน้น ตรงนี้กันวันนี้ มัน พ.ศ.อะไรแล้ว ย้อนกลับไป กลับมาอยู่นั่น ตนถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ที่ทำให้ตนต้องมายืนอยู่ตรงนี้ และตนได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว แต่ท่านก็เอามาโจมตี ไม่ใช่ค้านทุกเรื่อง ทุกอย่างเดินไปไม่ได้ ถ้าเรายังทำกันอยู่แบบนี้ อย่าฉวยโอกาสในสถานการณ์เช่นนี้ แต่การเมืองก็คือการเมือง ตนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการท่องเที่ยวมันตกแน่นอนในช่วงสถานการณ์แบบนี้ แต่จะบอกว่าพวกตนบริหารประเทศไม่ดี นักท่องเที่ยวเลยไม่มาเที่ยว เพราะโควิด-19 อยากให้มองประเทศอื่นที่ท่านพูด ว่าเขามีโควิด-19 หรือไม่ แต่ในส่วนของประเทศเรา ตนเสียใจและขอโทษ หากทำอะไรให้ไม่พอใจ ตนเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ใช้วิธีแยบยลในการที่จะบ่อนทำลายกัน ตนเคารพและนับถือ หลายท่านเป็นคนดีและรักประเทศชาติ ตนรู้ว่าทุกคนรัก แต่บางคนอาจจะรักตัวเองมากกว่า ขอให้เลิกสักทีนึกถึงประเทศของเรา ยืนยันว่าจะหาหนทางให้ดีขึ้น
“ฝาก ส.ส.ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน ยืนยันว่าผมเองไม่เคยหยุดงาน โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ ยืนยันอยากสร้างความเข้าใจและไม่ได้โกรธเกลียดใครทั้งสิ้น ยืนยันว่าปีนี้จะได้วัคซีนครบ แม้จะพบปัญหาบ้าง แต่ยากให้มองไปที่ต่างประเทศก็เจอปัญหาวัคซีนเช่นกัน ไม่อยากให้เรื่องวัคซีนเป็นข้อขัดแย้งที่พูดทางการเมือง ไม่ใช่พูดแต่เรื่องด้อยค่าวัคซีน วันนี้ทุกคนฉีดมาก็ปลอดภัย และติดตามการให้เชื้อตัวใหม่ แล้ววันนี้ก็ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนที่ชัดเจนแต่เราก็เอาเข้ามาหมด ทุกอย่างดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ได้ผลีผาม มีให้ฉีดก็ด้อยค่า ให้ฉีดใหม่ก็หวาดระแวง อย่าเอาโซเชียลมาสู้กับผม เอาข้อมูลจริงมาสู้กับผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.