นายกฯ โต้ “หมอชลน่าน” ยืนยัน ไม่ได้รวบอำนาจแก้โควิด ใช้มติที่ประชุมฟังคำเสนอแนะจากแพทย์ ไม่ได้เรียกใครมาสั่ง และไม่ได้ปกปิดตัวเลข เพราะสถานการณ์ดีขึ้นมาก่อนแล้ว ใครเสียชีวิตคนเป็นนายกฯ ยิ่งเสียใจ มากล่าวหาว่าค้าความตาย เวอร์เกินไป ย้ำพ่อแม่สอนให้สุภาพไม่พูดหยาบคาย เพราะสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
วันนี้(31 ส.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวหาว่ารวบอำนาจสั่งการในการแก้ไขปัญหาดควิด-19 ว่า หาก ส.ส.ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีจะทราบว่าการสั่งการของนายกรัฐมนตรีจะสั่งด้วยอะไร ต้องมีมติที่ประชุม เห็นชอบตามข้อเสนอแนะขึ้นมาถึงจะสั่งได้ และไม่เคยแอบเรียกใครไปสั่ง “ผมสั่งอย่างเปิดเผย อย่าหาว่าผมสั่งการแบบเผด็จการติดนิสัย ผมไม่ใช่คนแบบนั้น” โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงเรื่องการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนในการบริหารสถานการณ์โควิด 19 มีการจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุรวมทั้งทรัพยากรด้านสาธารณสุขที่จำเป็นมีการกำหนดมาตรการควบคุมโรคที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีบทลงโทษกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ทั้งนี้ ตนจะไม่โทษใครเพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นถือว่าทุกคนต้องมาช่วยกัน ไม่มีใครอยากให้เกิดและไม่มีใครอยากจะละเว้นในสิ่งที่ต้องกำกับดูแล ซึ่งได้มีมาตรการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ มาตรการรักษาพยาบาลทั้งแผนเผชิญเหตุการป้องกันในทุกขั้นตอน ในส่วนเรื่องชุดตรวจโควิด ATK ที่เป็นสินค้าในเชิงพาณิชย์นำเข้ามาช่องทางปกติมีราคาและยี่ห้อที่แตกต่างกันแล้วแต่ประชาชนจะเลือกใช้ ซึ่งรัฐบาลได้จัดซื้อหา 8.5 ล้านชิ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างทั่วถึง ยืนยันว่าที่ประชุม ศบค.ตนไม่ได้สั่งการให้ซื้อ ATK ที่ต้องผ่านองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เมื่อมีการถอดเทปไม่ได้พูดเป็นเพียงการสอบถามกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น เนื่องจากเมื่อสอบถามกับคณะแพทย์ก็พบว่าในขณะนั้นไม่มี WHO รับรองชุดตรวจแบบ ATK ในรูปแบบ home use ที่ใช้ในประชาชนทั่วไป มีเพียงที่ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ใช้ในโรงพยาบาลเท่านั้น
“เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อมีตัวเลขเริ่มดีขึ้นมาหลายสัปดาห์แล้ว ผมไม่ได้ปกปิดยอดอะไร ผมทำไม่ได้หรอกครับ ไม่อยากพูดให้หลายคนท้อแท้ เราพยายามทำให้ดีที่สุด ผมเสียใจที่มีการสูญเสีย มีการบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากทำให้เกิดขึ้น ผมไม่อาจที่จะไปค้าความตายอะไรได้ อย่าใช้คำพูดที่มันเวอร์ มันเกินไป ใครเสียชีวิตมันก็ไม่มีใครมีความสุขทั้งนั้นแหละ ผมก็หัวอกของครอบครัว หัวอกพ่อแม่ มีพ่อมีแม่มีปู่ย่าตายาย ใครเสียชีวิตผมก็เสียใจ ยิ่งตอนนี้ผมเป็นนายกฯ ใครเสียชีวิตผมก็ยิ่งเสียใจมากกว่าอยู่แล้ว และแบกรับชีวิตของทุกคนไว้ด้วย ผมอาจจะพูดสู้ท่านไม่ได้เพราะท่านเป็นหมอ แต่ก็กรุณาฟังหมออื่นด้วย เพราะผมทำงานกับหมอ”
ส่วนการฉีดวัคซีนต่างๆ ก็อยู่ในการตัดสินใจของหมอ จะฉีดอย่างไร การฉีดไขว้ยี่ห้อซึ่งหมอได้ยึดข้อมูลการทดสอบต่าง ๆ “ผมไม่สามารถไปสั่งให้ฉีดได้ หมอประยุทธ์ สั่ง ไม่ได้เพราะผมไม่ใช่หมอ และการจะสั่งอะไรยึดตามหลุกการวิชาการและข้อมูลสถิติ ในการตัดสินใจเสมอไม่ใช่นึกอยู่ดีๆ สั่งนู่นสั่งนี่ ตื่นเช้ามาก็สั่ง ไอ้นั่นมันคนบ้าแล้ว คนบ้า จะสั่งอะไรทีก็ต้องถามมติที่ประชุมว่าอย่างไร ไม่เคยสั่งเองเพราะสั่งไม่ได้อยู่แล้ว ท่านเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว ท่านเคยสั่งแบบนี้ได้หรือไม่ จะสั่งลับ สั่งเปิดเผยไม่เคยสั่งลับ ถ้าจะสั่งคุยกันตรงนี้และเปิดเผยทั้งหมด”
สำหรับการบริหารศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค.ซึ่งมีหลายหน่วยงาน ไม่ได้ใช้ทหารทั้งหมด ซึ่งได้มีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับฝ่ายเศรษฐกิจในการพิจารณาเรื่องการล็อกดาวน์และการใช้งบประมาณงบกลาง งบเงินกู้ หากมีทุจริตก็ตรวจสอบหลักฐานมาดู
“เชื่อมั่นว่าในระดับรัฐบาลไม่มีการทุจริต ผมไม่คุ้นเคยกับการทุจริต ซึ่งการตัดสินใจในการบริหารต่างๆ ผมเป็นทหารมาก่อนการตัดสินใจอะไรต้องละเอียดรอบคอบ มองผลดี ผลเสีย ผลทางปฏิบัติที่ดีที่สุดต้องมีการนำเสนอมาทั้งหมด
“ส่วนเรื่องการโอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ตามกฎหมายทั้ง 40 ฉบับเป็นการโอนอำนาจชั่วคราว ไม่ใช่ว่าทุกวันทุกเวลานาทีอำนาจอยู่ที่ผมหมดทั้ง 40 ฉบับ ใช้เฉพาะฉุกเฉิน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็จะฉุกเฉินตลอด ผมว่ามันบ้าแล้วมั้ง ใช้อำนาจแบบนี้ก็บ้าแล้ว ขออนุญาตใช้คำรุนแรงนิดนึง เรื่องฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียต่างๆชาวบ้านมีปัญญาที่จะหาเอง บางส่วนไม่มี รัฐบาลก็จัดหาให้”
นายกฯ กล่าวอีกว่า ที่ นพ.ชลนน่านกล่าวหาว่า ตนบิดเบือนยอดผู้ติดเชื้อโควิดนั้น คิดแบบนี้จะเดินหน้าไปได้หรือไม่ คิดแบบเป็นหัวกลับ ยืนยันว่าสั่งการตามระบบที่มีความเป็นไปได้ตามคำแนะนำของคณะแพทย์ที่ปรึกษา เรื่องการแทงม้าตัวเดียว จัดหาวัคซีนประเทศไทยทำไมถึงล่าช้า ทำไมถึงไม่ได้สักที เหตุใดไม่ร่วมโคแวกซ์ รัฐมนตรีสาธารณสุขชี้แจงได้ทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลพยายามพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดเนื่องจากเมื่อไปดูประเทศที่เข้าร่วมก็ได้รับวัคซีนที่ไม่ตรงตามที่ร้องขอและได้จำนวนไม่ได้ตามที่ต้องการ ที่มีการบริจาคมาให้เราไม่ได้ร้องขอ เพราะต้องการที่จะเป็นผู้ให้มากกว่า ต้องการดูแลทั้งภูมิภาคอาเซียนด้วย เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเรื่องวัคซีนไม่อยากให้ไปด้อยค่าวัคซีนใดทั้งนั้น เพราะถ้าไม่ฉีดก่อนอาจจะมีคนตายเยอะกว่านี้ ซึ่งแม้มีคนตายแม้แต่คนเดียวตนก็เสียใจไม่สบายใจอยู่แล้ว
“เรื่องกระทรวงศึกษาธิการก็กล่าวหาว่า สอนให้ประชาชนโง่นั้น ผมว่า ถ้าสอนอย่างนี้จริงๆ คงสอนมานานแล้ว แต่ผมกำลังสอนให้ฉลาดขึ้น จะได้ไม่ไปฟังคนพูดแบบเมื่อกี้ แล้วก็เชื่อกันไปหมด ถ้าเชื่อหมดแบบนี้เรียกว่าไม่ฉลาด ผมจะทำให้ฉลาดขึ้นและจะพูดในวันพรุ่งนี้เรื่องการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งการปฏิรูปคือต้องใช้เวลา จะเปลี่ยนทีเดียวทั้งหมดทันทีทำไม่ได้ จะพูดอะไรก็พูดไป ซึ่งผมรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรอยู่
“ที่สำคัญคือพ่อแม่สอนผมมา ให้พูดจาเรียบร้อย ให้สุภาพ ใจเย็น ๆ ไม่ใช้คำพูดหยาบคาย เหยียดหยามดูถูกผู้อื่น และสอนไว้ว่า สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล จะพยายามทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของผู้ทรงเกียรติอย่างแท้จริง ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้เกียรติและใช้เวทีสภาที่ทรงเกียรตินี้อย่างดี ตามที่ท่านนายกชวน ประธานสภาได้กล่าวไว้แล้ว” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย