รมว.คมนาคม ประชุมสั่งการสถาบันวิจัยฯ ระบบราง เตรียมโครงสร้าง-จับมือสถาบันการศึกษาลุยงานวิจัย พร้อมประสานต่างประเทศถ่ายทอดเทคโนโลยี มุ่งสู่ความเป็นเลิศ
วันนี้ (26 ส.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม เรื่อง การติดตาม ความก้าวหน้าการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ด้วย Application “Zoom” โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อดำเนินการติดตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) เพื่อทำหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีระบบรางของประเทศ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง พัฒนาบุคลากรด้านระบบราง และจัดทำฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีระบบราง โดยมีเป้าหมายเร่งด่วน คือ การวิจัยชิ้นส่วนในระบบรางเพื่อให้สามารถผลิตรถไฟในประเทศ (Local Content) ได้ตามนโยบาย Thai First รวมทั้งการวิจัยเพื่อสร้างรถไฟ EV มาใช้ในประเทศไทย พร้อมกับการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินตามที่ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 138 ตอนที่ 46 ก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๖๔ และต่อมากระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่ง ที่ 110/2564 สั่ง ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน)
ในวาระเริ่มแรก ตามมาตรา 45 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับทราบกรอบระยะเวลาการดำเนินการของคณะกรรมการสถาบันวิจัยฯ ซึ่งจะดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่ แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคมขึ้นเป็นผู้อำนวยการในระยะเริ่มแรก การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันวิจัยฯ
และการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันวิจัยฯ โดยคณะกรรมการสถาบันวิจัยฯ ดังกล่าว ต้องดำเนินการในการสรรหาประธานกรรมการและกรรมกาผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางรางอยู่ระหว่างการดำเนินการ เรื่อง บุคลากรที่จะมาช่วยดำเนินงานวิจัยในสถาบันวิจัยฯ โดยได้บูรณาการร่วมกันกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่มีโครงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง และพิจารณาการนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ได้มีการทำกรอบบันทึกความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อมาช่วยตั้งต้นสถาบันวิจัยฯ ในระยะแรก ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินการพิจารณากำหนดในสัญญาที่จะลงนามใหม่หรือพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดในสัญญาที่ได้ลงนามแล้ว โดยให้สถาบันวิจัยฯ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบรางจากเอกชนคู่สัญญา และให้ครอบคลุมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของสถาบันวิจัยฯ ด้วย ซึ่งกรมการขนส่งทางรางจะมีการติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวต่อไป
สำหรับโครงสร้างสถาบันวิจัยฯ จะถูกจัดเป็น 7 ศูนย์ความเป็นเลิศ และ 1 สำนักงาน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานของสถาบันวิจัย ได้แก่
1.1 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟความเร็วสูง (Excellent Center of High Speed Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถและบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูง
1.2 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟขนส่งสินค้า (Excellent Center of Freight Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถ และบำรุงรักษารถไฟขนส่งสินค้า
1.3 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านรถไฟฟ้าในเมือง (Excellent Center of Metro Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับ วิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินรถและบำรุงรักษารถไฟฟ้าในเมือง
1.4 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านแบตเตอรี่สำหรับรถไฟ (Excellent Center of Battery Power Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบพลังงานอนาคตสำหรับรถไฟ เช่น Battery รถไฟ EV เป็นต้น
1.5 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมระบบรางและการออกแบบสำหรับผู้โดยสาร (Excellent Center of Innovation Rail Tech) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรางในอนาคต เช่น MAGLEV TOD เป็นต้น
1.6 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาบุคลากรระบบราง (Excellent Center of Training Center) ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และฝึกอบรมเทคโนโลยีระบบราง เช่น รถไฟความเร็วสูง ความรู้ทางด้านรถไฟ เป็นต้น
1.7 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านข้อมูลระบบราง (Excellent Center of Rail Data Center) ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลระบบรางทั้งระบบ เช่น งานวิจัยด้านระบบราง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบราง องค์ความรู้ด้านระบบราง นอกจากนี้ จะทำวิจัย พัฒนา รับและถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับซอร์ฟแวร์ที่ใช้ในระบบราง ระบบอาณัตสัญญาณ 5G และความปลอดภัยทางดิจิทัล และ
1.8 สำนักบริหารงานทั่วไป ทำหน้าที่ในการบริหารงานทั่วไป ทางด้านการเงิน/การบัญชี บุคลากร สถานที่ รวมถึง การจดทะเบียนสิทธิบัตรการวิจัย
ซึ่ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้รับทราบการดำเนินการของกรมการขนส่งทางราง และได้สั่งการเพิ่มเติม ดังนี้
1. ให้กรมการขนส่งทางรางร่วมกับสถาบันวิจัยฯ สร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา
โดยให้จัดทำกรอบความร่วมมือ (MOU) กับแต่ละสถานศึกษา ในเรื่องการวิจัยและบุคลากร
2. ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศและจัดทำกรอบความร่วมมือ (MOU) ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยฯ และบุคลากร รวมถึงการจัดทำแผนกลยุทธ์ (Roadmap) การประสานความร่วมมือให้ชัดเจน
3. ให้กรมการขนส่งทางรางหารือกับหน่วยงานผู้ให้บริการระบบราง (Operator) เกี่ยวกับชิ้นส่วนระบบรางที่ต้องการใช้ในการซ่อมบำรุง เพื่อเป็นข้อมูลให้สถาบันวิจัยฯ วางแผนการวิจัยและผลิตชิ้นส่วนเหล่านั้นทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ