ทีมโฆษกรัฐบาล เผย ศบค.เตรียมถกผ่อนคลายเปิดร้านอาหารให้บริการ 50% พนง.ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม-ตรวจ ATK ทุก 3 หรือ 7 วัน ลูกค้าต้องโชว์หลักฐานฉีดวัคซีนแล้ว เปิดร้านเสริมสวย-นวดฝ่าเท้า ยังไม่เปิดสถานบันเทิง
วันนี้ (25 ส.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการแจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล ถึงการประชุม ศบค.เตรียมผ่อนคลายมาตรการในวันที่ 27 ส.ค.ซึ่งมาตรการที่ใช้อยู่จะครบกำหนดในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ว่า จะมีการประชุม ศบค.ในวันที่ 27 ส.ค.เวลา 09.30 น.โดยการประชุมดังกล่าวจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ เพื่อเปิดให้ร้านอาหารบริการประชาชนได้แล้วหรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ศบค.กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ทำงานร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องของร้านอาหาร ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารอยากให้มีการผ่อนคลาย คือ เปิดให้บริการได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทาง ศบค.รับฟังข้อคิดเห็นดังกล่าว และคิดว่าด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันมีจำนวนน้อยลง น้อยกว่า 2 หมื่นรายมา 2-3 วันแล้ว ซึ่งในส่วนร้านอาหารที่คาดว่าจะเปิดบริการได้ แต่ยังไม่เปิดฟรีทั้งหมด และมีมาตรการที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติอื่นๆ ตามมาด้วย เช่น การเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้เกิดการแออัด อากาศจะต้องถ่ายเทได้ดีพนักงานจะต้องปลอดโรค ได้รับวัคซีน 2 เข็มหรือหากยังไม่ได้รับวัคซีนจะต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK ทุก 3 หรือ 7 วัน และผู้มารับบริการจะต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้เป็นเพียงแค่หลักการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะนำเสนอที่ประชุม ศบค.หากจะมีการอนุมัติผ่อนคลาย หรือเงื่อนไขที่ร้านอาหารหรือประชาชนจะต้องทำอะไรบ้างรายละเอียดขอให้ติดตามผลการประชุม ศบค.ในวันดังกล่าว
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังมีการเสนอมาตรการเพิ่มเติมในเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการ เช่น การเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถเดินทางได้ แต่รายละเอียเขอให้ไปติดตามในที่ประชุมศบค. ส่วนการปรับมาตรการในส่วนของกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มีการเปิดกิจการ กิจกรรมบางประเภท เช่น ร้านเสริมสวย ร้านนวดฝ่าเท้าการปรับใช้อาคารของสถานศึกษา และการเปิดใช้สนามกีฬา อย่างไรก็ตาม สถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานบริการอื่นๆ ในลักษณะคล้ายกัน ยังคงไม่เปิดให้บริการในทุกพื้นที่ ทุกกิจการ กิจกรรมจะต้องดำเนินการตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด