“ธวเดช” ซัด ผกก.นครสวรรค์ สูญสิ้นความเป็นคน อุ้มฆ่ารีดไถ พฤติกรรมยิ่งกว่าโจร ถึงเวลาต้อง ‘ปฏิรูปวงการสีกากีทันที

วันนี้(25 ส.ค.) นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ รักษาการหัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ จากกรณีกล่าวถึงคลิปวิดีโอที่มีผู้กำกับสถานีตำรวจนครสวรรค์ ใช้กำลังต่อผู้ต้องหาที่มีการลงรายละเอียดในสื่อว่าเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงแก่ชีวิตว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการ ปฏิบัติกับเพื่อมนุษย์ราวกับไม่ใช่คน ผมเชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นคลิปการทรมานรีดไถเงินพ่อค้ายาเสพติดแล้วคงสลดหดหูใจไม่ใช่น้อย แน่นอนว่าการค้ายาเสพติดนั้นผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่หวังต่อยอดหาประโยชน์จากธุรกิจนั้นเสียเอง การกระทำเยี่ยงนี้ไม่ใช่พฤติกรรมของตำรวจครับ แต่มันคือโจรในคราบเครื่องแบบที่ชอบแสดงอำนาจบาทใหญ่และเป็นที่รู้กันว่า ระบบแบบนี้ฝังรากและเชื่อมกันเป็น ‘เครือข่ายมาเฟีย’ ขนาดใหญ่ ตั้งแต่การเก็บส่วย บ่อน หวย ซ่อง ส่งนาย ไปจนถึงขั้นรีดเงินหลักล้านจากพ่อค้ายาเสพติดแบบนี้ เงินก็ตัดยอดส่งกันเป็นทอดๆสะสมกันไว้ถึงเวลาก็เอาไปวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งหรือไม่ก็ขอย้ายไปประจำทำเลทอง ทำกันจนชินกลายเป็นวัฒนธรรม เห็นแก่ผลประโยชน์จนไม่สนใจว่าจะกระทำการชั่วร้ายแค่ไหน สำหรับตำรวจดีๆผมเชื่อว่ายังมี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ผมคิดว่ามันชัดเหลือเกินว่าถึงเวลาที่พวกเราจะต้องปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังได้แล้วครับ

นายธวเดช กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างน้อยที่สุด สังคมไทยควรจะได้เห็นการเริ่มต้นปฏิรูปวงการตำรวจอย่างจริงจัง  ไม่ใช่แค่การย้ายรอเรื่องเงียบแล้วค่อยเอากลับมานั่งตำแหน่ใหญ่โตอีกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในหลายๆครั้ง แต่จะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายเช่นคนทั่วไป หากมีแนวโน้มว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานก็ไม่ควรได้รับการประกันตัว การทำสำนวนจะต้องไม่อ่อนจนสังคมกังขา ที่สำคัญคือพฤติกรรมเช่นนี้คงจะไม่ใช่ครั้งแรก จะต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งระบบเพื่อทลายเครือข่ายเป็นตัวอย่างล้างบางให้หมดสิ้นไป ซึ่งกรณียังรวมไปถึงการตรวจสอบกระบวนการนิติเวชที่ต้องหาสาเหตุการณ์ว่าทำไมจึงออกใบรับรองเสียชีวิตคลาดเคลื่อนได้ เรื่องนี้น่ากังวลมากเช่นกันเพราะนี่คือหลักฐานสำคัญที่จะสามารถเปลี่ยนจากผิดเป็นถูก ช่วยฆาตกรให้รอดพ้นผิดได้ ถ้าเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้จะทำลายศรัทธากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไปอย่างมากเลยทีเดียว

“สำหรับในระยะยาว ผมมองว่าจำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจของตำรวจออกไปให้มากขึ้น ไม่ใช่ระบบที่ความดีความชอบขึ้นกับการเอาใจนายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องวัดได้จากความพึงพอใจของประชาชน ต้องวางโครงสร้างและระบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ จะต้องไม่ปล่อยให้องค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลายเป็นองค์กรสีเทาที่ตรวจสอบกันเอง อุ้มชูกันเอง จนสามารถวางเครือข่ายกลายเป็นระบบมาเฟียสีกากีจนเข้มแข็งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”นายธวเดช กล่าว