“ส.ว.สมชาย” มอง กมธ.แก้ รธน.ในมาตราที่เกี่ยวเนื่องได้ ไม่ผิด กม.หรือล้ม รธน.- การปกครอง ฟันธง! มีพรรคการเมืองยื่นศาลตีความ 100% เหตุเสียประโยชน์
วันนี้ (23 ส.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงข้อกังวลการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี ส.ส. และ ส.ว.ส่วนหนึ่ง กังวลการแก้ไขของรัฐสภาเกินกว่าหลักการที่รับไว้ว่า ในส่วนของวุฒิสภา วิปวุฒิสภามีการพูดคุย และทำความเข้าใจกันแล้ว เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมาย โดยยอมรับว่า ญัตติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สมบูรณ์ เพราะเสนอแก้ไขเพียง 2 มาตรา ส.ว. ในฐานะผู้กลั่นกรองกฎหมาย จึงจะต้องทำให้กฎหมายสมบูรณ์ ซึ่งในข้อบังคับการประชุมข้อ 124 บัญญัติชัดเจนว่า ถ้ามีเรื่องใดที่เกินหลักการ และเกี่ยวเนื่อง สามารถทำได้ โดยต้องขออนุญาตต่อสภา จึงยืนยันว่า ในกลุ่มมาตราที่เกี่ยวเนื่องสามารถแก้ไขได้ ซึ่งข้อกฎหมายระบุไว้ชัดเจน ซึ่งจะต้องรอการพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2 ว่า รัฐสภา จะเห็นชอบตามที่กรรมาธิการปรับแก้หรือไม่ ก่อนเว้นระยะเวลา 15 วันก่อนลงมติในวาระที่ 3 เพื่อให้มีเวลาตัดสินใจ โดยจะต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ด้วย จึงย้ำว่า ในทางกฎหมายสามารถทำได้ และไม่น่ากังวลใด ๆ เพราะเป็นการปรับแก้ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกัน
นายสมชาย ยังมั่นใจว่า ภายหลังที่ประชุมลงมติวาระ 3 จะต้องมีผู้ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่นอน 100% เพราะการแก้ไขระบบการเลือกตั้ง เป็นผลระโยชน์พรรคการเมือง และมีผู้เสียประโยชน์ของแต่ละพรรค เพื่อให้ศาลวินิจฉัย แต่มั่นใจว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นที่สุด พร้อมยืนยันว่า อำนาจการแก้ไขสามารถแก้ไขได้ รวมถึงการแก้ไขในมาตราที่เกี่ยวเนื่อง และไม่ผิดกฎหมาย เพราะการแก้ไขของกรรมาธิการไม่ได้ล้มล้างการปกครอง หรือล้มล้างรัฐธรรมนูญ หรือเป็นประเด็นที่ต้องทำประชามติ และมั่นใจจะไม่เป็นปัญหา
ส่วนจะได้ใช้ระบบการเลือกตั้งนี้ในการเลือกตั้งคราวต่อไปหรือไม่นั้น นายสมชาย เห็นว่า ตามข้อเท็จจริง รัฐธรรมนูญ 2560 ก็สมบูรณ์ดี แต่เมื่อเสียงของประชาชน หรือพรรคการเมือง ไม่คุ้นชิน ก็เป็นอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไข และรับผิดชอบ ซึ่งผลการเลือกตั้งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนปี 2554 ที่พรรครัฐบาล อาจกลายเป็นฝ่ายค้าน และประชาชนก็ไม่ได้อะไรนอกจากบัตร 2 ใบ