xs
xsm
sm
md
lg

ขยับแล้ว! งบฯขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน 4.5 หมื่น ล. จัด “งบกลาง” รอบแรก 6 พัน ล. ฟื้นฟู 23 จังหวัด อีก 1.4 พันโครงการชงซ่อมถนนถูกตัดเหี้ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จัดเงียบๆ โครงการเพียบนะจ๊ะ! คืบหน้านโยบาย “ขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน” ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากในระดับจังหวัด 4.5 หมื่นล้าน ครม.ไฟเขียว งบกลางรอบแรกลง 23 จังหวัด กว่า 2 พันโครงการ วงเงิน 6.1 พันล้าน เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน ส่วนอีก 1,454 โครงการ กว่า 5.9 พันล้าน ถูกตัดเหี้ยน เหตุเดิมๆ ขอเงิน “ก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแชมถนน” จากยอดรอบแรก ที่เสนอมา 67 จังหวัด 12,701 โครงการ วงเงิน 39,096 ล้าน

วันนี้ (19 ส.ค. 64) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 ได้รับทราบความคืบหน้า “โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก” ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น : ระดับพื้นที่ กรอบวงเงิน 45,000 ล้านบาท

ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้สู้โควิด-19 รายงานผลการดำเนินการ ครั้งที่ 1 ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จะจัดสรรให้ 23 จังหวัด 2,117 โครงการ วงเงิน 6,170,647,915 บาท

โดยใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่ง ครม.ขอให้จังหวัดรายงาน “โครงการเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล” ต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

ยังมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะกลั่นกรองฯ ดำเนินการกลั่นกรองข้อเสนอโครงการนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.และให้สำนักงบประมาณ รับไปพิจารณาจัดหาแหล่งเงิน

สำหรับโครงการนี้ เมื่อต้นเดือน พ.ค. 2564 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 99/2564 ให้ชะลอแต่งตั้งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบตาม “แนวคิดขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด” ออกไปก่อนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอชกำกับงานตรวจราชการภูมิภาคดำเนินการแทน

สอดคล้องกับ มติ ครม. 11 พ.ค. 2564 ที่เห็นชอบให้ปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนโครงการฯ และรับทราบคู่มือแนวทางปฏิบัติที่สภาพัฒน์เสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นำเสนอโครงการ

“ต่อมา รมว.มหาดไทย ได้เห็นชอบโครงการของจังหวัด และนำเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ เสนอผ่านมายังคณะกรรมการกลั่นกรองฯ วงเงินรวม 12,147,925,813 บาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินจัดสรร จำนวน 12,177,424,548 บาท หรือประมาณ 29,478,735 บาท”

โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง กลุ่มที่ 3 ในคณะกลั่นกรองชุดใหญ่ เห็นชอบเพียง 23 จังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ ขอนแก่น สิงห์บุรี ปทุมธานี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา ตราด สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง และสตูล

จำแนกเป็นกลุ่มสินค้า ท่องเที่ยว บริหาร และการค้า 59 โครงการ โครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มการเกษตร 103 โครงการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน 45 โครงการ และกลุ่มที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน 1,910 โครงการ

คณะอนุกรรมการ ได้ตัดโครงการที่ไม่เห็นควรให้สนับสนุนออกไป 1,454 โครงการ วงเงินกว่า 5,977,277,898 บาท

เนื่องจากเห็นว่า เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีลักษณะการก่อสร้าง ปรับปรุง และ ซ่อมแซมถนนหรือผิวไหล่ทางจราจร ซึ่งสภาพถนนเดิมไม่ได้ชำรุดทรุดโทรมมาก ยังสามารถใช้งานได้ รวมทั้งเป็นโครงการที่มีลักษณะเป็นการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง หรือจัดชื้อโคมไฟ เพื่อติดตั้งริมถนน

“ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้แก่คนในท้องถิ่นและชุมชน หรือบางโครงการไม่มีความคุ้มค่าในทารดำเนินการ”

นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการที่มีการอบรมถ่ายทอดความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต

ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนวัสดุการเกษตรและครุภัณฑ์ให้แก่ กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลลัพธ์และผลลัมฤทธิ์ของโครงการไม่ก่อให้เกิดการฟิ้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนตามแผนงานที่ 3.2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ ได้อย่างชัดเจน

ปัจจุบันมีจังหวัดที่ส่งข้อเสนอให้สภาพัฒน์ 67 จังหวัด จำนวน 12,701 โครงการ วงเงิน 39,096,976,161 บาท

ทั้งนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่ส่งมา ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน สกลนคร มุกดาหาร ราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี


กำลังโหลดความคิดเห็น