โฆษก ศบศ. ปลื้ม ต่างชาติมั่นใจ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” หลังนักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แจงทุกพื้นที่ยกระดับความปลอดภัยดูแลนักท่องเที่ยว เผย ททท. เตรียมชง ศบค. ใช้สูตร 7+7 นักท่องเที่ยว “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” อยู่ภูเก็ตครบ 7 วัน ให้เที่ยวพื้นที่นำร่องอื่นต่อได้ 7 วัน จากนั้นถึงจะเดินทางไปจังหวัดอื่นได้
วันนี้ (14 ส.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวถึงโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในโครงการไป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ตอนนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่เกือบ 20,000 คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) จำนวนกว่า 371,826 คืน มีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรก มาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส โดยจำนวนนักท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ที่เดินทางเข้ามาทั้งหมดนั้น ตรวจคัดกรองพบเชื้อจำนวน 55 คน คิดเป็น 0.28% และนำเข้าสู่กระบวนการของสาธารณสุขแล้ว
นายธนกร กล่าวต่อว่า รัฐบาลกำชับมาตรการการยกระดับดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยจังหวัดมีการถอดบทเรียน แหล่งไหนที่ไม่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว เป็นพื้นที่เปลี่ยวไม่ปลอดภัย เร่งปรับปรุงแก้ไขควบคู่ไปกับการดำเนินการตามมาตรการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อย่างเข้มงวด ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ ที่เดินทางออกจากพื้นที่ภูเก็ตทางบก ขณะนี้มีจำนวน 2,622 คน โดยปลายทาง 5 อันดับอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และ ชลบุรี ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่นักท่องเที่ยวอยู่จังหวัดภูเก็ตครบ 14 วันแล้ว ส่วนการท่องเที่ยวทางน้ำมีนักท่องเที่ยวกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ เดินทางไปท่องเที่ยวใช้บริการ ณ ท่าเรืออ่าวฉลอง อ่าวปอ และท่าเรือรัษฎา สะสม จำนวน 7,827 คน คิดเป็น 42% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางตามโครงการนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ กำหนดเส้นทาง เข้า-ออก ที่ชัดเจน ลงทะเบียน ติดตั้งกล้อง CCTV ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย
โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างนำเสนอ ศบค. ถึงแนวทางการให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นในลักษณะ 7+7 โดยจากเดิมที่นักท่องเที่ยวต้องพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 14 วัน จะปรับลดเป็น 7 วัน จึงสามารถเดินทางท่องเที่ยวและพำนักในพื้นที่นำร่องจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน จากนั้นจึงจะสามารถเดินทางไปที่อื่นทั่วประเทศไทยต่อไปได้ ถือเป็นการขยายพื้นที่ของ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ให้ใหญ่ขึ้น คาดว่า จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยในส่วนของพื้นที่นำร่องที่เชื่อมโยงจังหวัดภูเก็ตในลักษณะ 7+7 ได้แก่ 1. เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เขาหลัก เกาะยาวใหญ่ และเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา และ 3. เกาะพีพี ไร่เลย์ และเกาะไหง จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ แนวปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของ ศบค. และข้อกำหนดตามมาตรการของแต่ละจังหวัด เชื่อว่า จากนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่เป็น High Season ของการท่องเที่ยว ดังนั้น ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นและช่วยกันเป็นหูเป็นตา เป็นเจ้าบ้านที่ดี ดูแลพื้นที่ ดูแลนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจ ร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดภูเก็ตให้สมกับที่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก