xs
xsm
sm
md
lg

โฆษกโต้โซเชียลเข้าใจคลาดเคลื่อนทำ ปชช.เข้าใจผิด “อนุทิน” ไม่ได้เคลมผลงานมอบไฟเซอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
รองโฆษกรัฐบาล แจง ประเด็นโซเชียลมีเดียวิจารณ์รองนายกฯ “อนุทิน” กรณีมอบวัคซีนไฟเซอร์จังหวัดนครสวรรค์ เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทำ ปชช.เข้าใจผิด ยันไม่มีการเคลมว่าเป็นผลงานตัวเอง

วันนี้ (8 ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่โซเชียลมีเดียได้มีการนำภาพซึ่งระบุว่ามาจากงานภารกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลท่าตะโก อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มาโพสต์พร้อมระบุข้อความว่ารองนายกรัฐมนตรีเคลมว่าวัคซีนไฟเซอร์เป็นผลงานของตนเองนั้น เป็นการแสดงข้อความที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

สำหรับข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพร้อมกับการลงพื้นที่ก็ได้มีการตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐฯ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าในพื้นที่ด้วย ส่วนการจัดเตรียมป้าย หรือข้อความต่างๆ ก็จัดโดยเจ้าหน้าที่ในจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่พบข้อความที่มีการส่งต่อข้อความที่มีการส่งต่อทางโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด

“ในการลงพื้นที่จังหวัดหวัดนครสวรรค์ นอกจากท่านรองนายกฯอนุทินแล้ว ยังมีท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรคร่วมเดินทางด้วย ซึ่งภารกิจของการลงพื้นที่ก็คือการไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามการดำเนินงานการควบคุมและแพร่ระบาดของโรคโควิด19 จากการสอบถามในคณะผู้ลงพื้นที่ ก็ไม่มีใครเห็นข้อความใดที่มีการส่งต่อในโซเชียลมีเดีย ก็ยังสงสัยเช่นกันว่าข้อความนั้นอยู่ส่วนใดของงาน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หากเป็นการวิจารณ์บนข้อมูลและเป็นความจริง และเพื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนทำได้อยู่แล้ว แต่ขอความร่วมมืออย่าสร้างและส่งต่อข้อมูลที่ก่อความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้าปฏิบัติงานอย่างหนัก โดยเป้าหมายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเวลานี้คือการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่




กำลังโหลดความคิดเห็น