ผอ.ศบค.ย้ำกระจายวัคซีน กทม.- ปริมณฑล-จังหวัดแพร่ระบาด ให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ด้าน “สธ.” แจงฉีดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิบุคลากรการแพทย์กระจายครอบคลุม-เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ
วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) กล่าวผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุม ศบค.ยังพูดถึงมาตรการยกระดับควบคุมโรค ได้แก่ โรงงาน แคมป์แรงงานและบริษัท มาตรการ Bubble and Seal โดยเน้นย้ำ 16 จังหวัด ในพื้นที่สีแดงเข้ม เนื่องจากมีการรายงานอย่างต่อเนื่อง ว่า การระบาดจำกัดอยู่ในโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยมีบุคลากรเกิน 500 ราย รวมถึงมาตรการดังกล่าวครอบคลุมไปยังบริษัท แคมป์คนงาน และโรงงานที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อและยังไม่มีระบาดด้วย โดยหลักการเน้นจัดกลุ่ม คลุมไว ลดแพร่กระจายและรายได้ไม่สูญเสีย โดยที่ประชุมตระหนักถึงแรงงานโรงงานและสถานประกอบการที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการออกมาตรการดังกล่าวจะมีการปรับให้มาตรการควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน โดยมีการหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อปรับมาตรการดังกล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ผอ.ศบค.เน้นย้ำว่า จะมีการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง โดยเร่งรัดให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง และหญิงตั้งครรภ์ จึงขอฝากย้ำไปยังจุดฉีดวัคซีนให้มีการบริหารจัดการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นที่การเว้นระยะห่างและให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยของกลุ่มดังกล่าว ส่วนต่างประเทศมีการส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทย โดยสหราชอาณาจักรได้มีการทำเรื่องเพื่อจะส่งมอบแอสตร้าเซนเนก้าให้กับรัฐบาลไทย 415,040 โดส ต้นเดือน ส.ค.นี้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพูดคุยถึงการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ในบุคลากรทางการแพทย์กระตุ้นภูมิเข็ม 3 มีความกังวลว่าการกำหนดเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุขครอบคลุมอย่างไร โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงในที่ประชุมว่าในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงได้มีการสำรวจความต้องการ ทั้งกรุงเทพฯ และทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีความต้องการวัคซีนไฟเซอร์ที่กระตุ้นภูมิเข็ม 4 อยู่ที่ประมาณ 4 แสนกว่าโดส โดยมีได้รับแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว 1 แสนโดส ทั้งนี้ จะมีการกระจายไปยังแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) แต่จะไม่ได้จำกัดเฉพาะแพทย์ที่ดูแลระบบทางเดินหายใจ อายุรแพทย์ หรือหู คอจมูก เพราะที่ประชุมสาธารณสุขตระหนักว่าบุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงหมด ทั้งผู้ที่ทำงานในห้องคลอด ทั้งกุมารแพทย์ รังสีแพทย์ ทันตแพทย์ หรือแพทย์ฉุกเฉิน ห้องไอซียู ยืนยันว่า จะพิจารณากระจายให้ถึงบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมและเป็นธรรมแน่นอน