นายกฯ เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ บ่ายโมงครึ่ง วันพรุ่งนี้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จับตาคงมาตรการล็อกดาวน์ หลังครบ 14 วัน 2 ส.ค. หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังสูงต่อเนื่อง และอาจเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มในจุดที่มีการระบาดหนักของบางจังหวัด พร้อมพิจารณาร้านในห้างขายดีลิเวอรีได้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ได้เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่เป็นการด่วน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิค-19 ที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ และผู้เสียชีวิตยังเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ต้องจับตาว่าจะมีการยกระดับมาตรการคุมเข้มอย่างไร รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ที่มีความรุนแรงของการระบาดยังต้องคงต่อไปหรือไม่อย่างไร
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า มาตรการล็อกดาวน์ตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 28 โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ที่จะครบกำหนดเวลา 14 วัน ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ เบื้องต้นยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากข้อกำหนดฉบับดังกล่าวกำหนดระยะเวลาดำเนินการต่อเนื่องไว้อย่างน้อย 14 วัน โดยไม่ได้ระบุวันสิ้นสุดข้อกำหนดไว้ ดังนั้น ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาด และเมื่อขณะนี้ยังพบผู้ติดเชื้อมีจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง ทาง ศบค.จึงไม่ต้องพิจารณาขยายเวลาล็อกดาวน์ โดยสามารถล็อกดาวน์ต่อเนื่องไปได้ พร้อมทั้งคงการปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ที่มีอยู่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
นอกจากนี้ รายงานข่าวระบุว่า จะมีการพิจารณาขยายพื้นที่ควบคุมเข้มในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิดสูง โดยจะไม่ประกาศควบคุมเข้มทั้งจังหวัด แต่จะประกาศควบคุมเฉพาะบางพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเชื่อโควิดสูงของจังหวัดนั้นๆ เพิ่มเติมจาก 13 จังหวัดเดิม
อีกทั้งจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้กับผู้ประกอบการร้านค้าในห้างสรรพสินค้า โดยอาจจะพิจารณาให้ขายได้ในระบบดีลิเวอรี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาในภาพรวมของที่ประชุม