“สุรชาติ เทียนทอง” ซัด “รัฐล้มเหลว” บริหารจัดการพังทุกเรื่อง “วัคซีน” ที่หมอด่านหน้าต้องบุกไปทวงสถานทูตสหรัฐฯ “ศูนย์บางซื่อ” ส่อเป็นแหล่งแพร่เชื้อ “เตียง-ศูนย์พักคอย” เละเทะ เชื่อ กทม.ติดเชื้อแล้วครึ่งล้าน แต่ยันต้องช่วยชาวบ้านถึงที่สุด
วันนี้ (29 ก.ค. 64) นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ยอมรับเถอะครับว่าประเทศไทยเข้าสู่สภาวะรัฐล้มเหลวแล้ว” โดยระบุว่า มันไม่เหลืออะไรที่พอจะดูแลประชาชนได้แล้ว
การฉีดวัคซีนล้มเหลว เรื่องชนิดของวัคซีนไม่ต้องพูดถึง แค่ phizer จะเข้ามา 1.5 ล้านโ้ดส พรุ่งนี้ กลุ่มหมอด่านหน้า (คนที่ต้องเป็นกลุ่มแรกที่ได้ฉีด) ยังต้องไปทวงถามถึงสถานทูตฯ กลัวว่าจะโดนฉกไปอีก
ส่วนสถานที่ฉีดสถานีบางซื่อที่เป็นความภูมิใจของพรรคนึงและเป็นความเสียหน้าของอีกพรรคกำลังจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อขนาดใหญ่ ถามจริงๆ กรุงเทพฯ เมืองมหานครของโลก มันมีสถานที่เดียวเหรอที่มีความพร้อมในการบริการประชาชน?
เรื่องเตียงไม่ต้องพูดถึง มันจบไปแล้ว ไม่พอไม่ว่า ไม่มีระบบการเรียงลำดับความหนักเบาของคนไข้อีก คนบ้านอยู่ตรงข้ามกัน บ้านนึงเป็นคนแก่อาการหนักรอเตียงมา 5 วัน อีกบ้านนึงเป็นคนหนุ่มอยู่ในกลุ่มสีเขียว เพิ่งตรวจรู้ผลว่าเป็นเมื่อวาน สรุปคนหนุ่มได้เตียงก่อน ส่วนคนแก่รอไปจนไม่ไหว ได้ไปโรงพยาบาลคืนนึงก็ตาย นี่ยังไม่นับที่ตายคาบ้านคาถนนนะ
Home Isolation ก็จบครับ หลักการคือ ผู้ป่วยอยู่บ้าน และบ้านต้องที่พื้นที่ให้สร้างระยะห่างกับคนอื่นในครอบครัว และจะมีหมอโทร.ไปเยี่ยมสอบถามอาการวันละ 2 ครั้ง แต่ความจริงคือผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในบ้านหรือห้องเช่าที่แออัดไม่มีพื้นที่กักตัว ถ้าอยู่บ้านโอกาสติดทั้งบ้านมันก็เกือบ 100% ส่วนการโทร.มาเยี่ยมของหมอวันละสองครั้ง พูดกันตามความจริง วันนี้แค่ผู้ป่วยในระบบ ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มสะสมขึ้นมาในกรุงเทพฯมันมากกว่าแสนคนแล้ว (ตัวเลขไม่เป็นทางการมากกว่า 5 แสนคน) ถามหน่อยครับถ้าต้องโทรเยี่ยมวันละสองครั้ง จะมีบุคลากรเพียงพอเหรอในการยกหูหาคนไข้วันละ 2 แสนครั้ง? ขนาดแค่รับโทรศัพท์ยังไม่ไหวเลย เรื่องยาที่จะส่งไปตามบ้านไม่ต้องพูดถึงนะครับ มีครับที่ได้แต่เป็นส่วนน้อย ถ้าแค่โทร.ยังทำไม่ได้ไม่ต้องพูดถึงการดูแลอย่างอื่น แล้วตัวเลขที่มันเพิ่มขึ้นทุกวันแบบทวีคูณ ถ้าไม่ล้มเหลวแล้วจะเรียกอะไร?
ศูนย์พักคอยที่ทำก็จบ เคยพูดไปเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าควรใช้วัดและโรงเรียนทุกเขตทำเป็นศูนย์ฯ แยกคนป่วยออกจากครอบครัวและชุมชนก่อนเพื่อระงับการแพร่เชื้อแบบทวีคูณก็ไม่ทำ ทำแค่เขตละร้อย สองร้อยเตียงมันจะไปพออะไร มาถึงวันนี้ต่อให้ใช้ทุกวัดทุกโรงเรียนมันก็ไม่พอแล้ว มันเลยจุดไปหมดแล้ว ถ้าพอมีหวังก็ต้องใช้แบบ micro จริงๆคือที่ทำการชุมชนทุกชุมชน ให้อำนาจประธานชุมชนและ อสม.แต่และชุมชนประสานกับศูนย์สาธารณสุขแต่ละเขต โดยแต่ละสำนักงานเขตตัองทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
ที่พูดไม่ได้นั่งเทียนเขียนครับ ไม่มีดราม่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ พูดจากสิ่งที่เห็นกับตา ได้ยินกับหู รับรู้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ถ้าใครจะเถียง กล้าท้าให้มาลงพื้นที่ด้วยกันครับ ไปบ้านคนป่วยด้วยกัน เข้าไปถึงห้องนอน ไม่ต้องมีชุด PPE ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น
ยอมรับตรงๆ สิ่งที่พวกเราตื่นออกจากบ้านไปเสี่ยงทุกวัน ทำได้แค่ไปเยี่ยม เอาของที่จำเป็นไปให้ พ่นยาฆ่าเชื้อในชุมชน ประสานเตียงให้ผู้ป่วยหนัก ซึ่งประสานไปร้อยราย ได้สักสิบรายก็มหัศจรรย์แล้ว มันเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนั้น
จะทำถึงที่สุดครับ ถึงไหนก็จะทำ ใครจะเห็นไม่เห็นก็จะทำ และผมขอบอกไว้ตรงนี้นะครับ พวกผมไม่ใช่นักการเมืองที่หายใจเข้าออกเป็นคะแนนเสียง เราไม่ใช่พวกที่เดินยกมือไหว้ขอให้คนมาเลือกโดยไม่มีเหตุผลหรือแจกของเพื่อเอาบุญคุณ พวกเราทำเพราะใจมันสั่งให้เราทำแค่นั้น.