เหตุผลที่ทุกฝ่ายพากันดาหน้าออกมา Call Out แสดงจุดยืนกันเป็นรายวันนั้น เพราะทุกฝ่ายต่างรู้กันอยู่เต็มอก หนทางในการแก้ไขปัญหานี้ให้สะเด็ดน้ำก็อยู่ที่การจัดหาและกระจายวัคซีน(ที่มีประสิทธิภาพ) ฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึงเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยัง "มะงุมมะงาหรา"ไม่สามารถดำเนินการได้ ....
ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอต เป็น Talk of the Town กับเรื่องที่เหล่าศิลปินดารา และบรรดาเซเลปทั้งหลายที่ดาหน้าออกมา Call Out แสดงจุดยืนที่มีต่อวิกฤติสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ที่สำลักไวรัสมฤตยูโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนเป็นใบไม้ร่วง ทำลายเศรษฐกิจและสังคมไทยจนย่อยยับไปทุกหย่อมหญ้า
เราได้เห็นผู้ติดเชื้อต้องนอนตายข้างถนนกันอย่างเดียวดายกันศพแล้วศพแล้ว เพราะรพ.ไร้เตียงรักษา ห้อง ICU ล้นแล้วล้นอีก แม้รัฐจะสั่งเพิ่มโรงบาลสนามนับสิบแห่งก็ยังเอาไม่อยู่ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมวันนี้ทะลักไปกว่า 500,000 คนเข้าไปแล้ว ขณะผู้เสียชีวิตทะลุ 3,500 ศพเข้าไปแล้ว ยังมีผู้ติดเชื้อในห้อง ICU ที่อยู่ในขั้นวิกฤตอีกกว่า 6,000 คน และที่ยังต้องรักษาอยู่ใน รพ.และรพ.สนามต่างๆ อีกนับแสน
ผู้ติดเชื้อ ที่ยังเข้าไม่ถึงระบบการรักษา จ้องนอนรักษาตัวอยู่ในบ้านตามชุมชนต่างๆ ตามยถากรรม เท่าที่กลุ่มจิตอาสารายงานมาล่าสุดอีกเรือนแสนคนเช่นกัน
เหตุนี้ ผู้คว่ำหวอดในแวดวงการแพทย์ จึงออกมาสะท้อนมุมมองในมาตรการต่างๆของรัฐในการรับมือกับสถานการณ์ไวรัสมฤตยูครั้งนี้ว่า แม้นายกฯ และ ศบค.จะ"ทิ้งไพ่ตาย" ออกคำสั่ง ศบค. ที่ 10/2564 กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัดที่ห้ามประชาชนเคลื่อนย้ายและเดินทางเข้า-ออกสั่งปิดห้างร้านและกิจกรรมทุกชนิดประเภท ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด 53 จังหวัด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ในจังหวัดที่เหลือ ตามข้อกำหนดแห่งมาตรา 9 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา
แต่ทั้งหมดก็หาได้หยุดการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะที่ว่าลงไปได้ ยอดผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งทะลักเกินวันละ 15,000 คน ทุบสถิติเป็นรายวัน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นเกินหลัก 100 ศพ จนเมรุวัดรับไม่ไหว หลายแห่งเตาเผาพังครืนลงมาก็มี บั้นปลายชีวิตของผู้เฒ่า ผู้แก่ แม่ออกทั้งหลายแทนจะได้มีความสุขอยูกับลูกหลาน กลับต้องมาพลัดพรากจากการไปก่อนเวลาอันควร บางรายต้องนอนตายข้างถนนอย่างโดดเดี่ยว กลาย เป็นภาพสะเทือนใจแก่ผู้คน ว่าประเทศไทยเราเดินมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ?
"จะไม่ให้ผู้คนเขาดาหน้าออกมา Call Out กันได้อย่างไร เล่นประกาศล็อคดาวน์โดยไม่มีมาตรการรองรับอะไร ไม่มีการตรวจเขิงรุกว่ามีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่ในชุมชนสักกี่มากน้อย ผู้คนจะออกไปตรวจรักษา ตรวจหาเชื้อว่าติดโควิดหรือไม่ก็ไม่มี รพ.ใดดำเนินการให้ จะให้กักตัวอยู่ในบ้านก็ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นการแพร่เชื้อกันเองสร้าง "คลัสเตอร์"กันเองหรือไม่อีก ด้วยรัฐปราศจากมาตรการเชิงรุกในการตรวจคัดกรองคนติดเชื้อ จนผู้คนแทบจะกลายเป็นซอมบี้กันทั้งเมือง ทั้งประเทศแล้ววันนี้!"
แหล่งข่าว ยังกล่าวด้วยว่า ผลพวงจากมาตรการล็อคดาวน์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของรัฐ ที่สั่งปิดห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และบรรดาร้านรวงต่างๆ แม้แต่ตลาดสดที่หากพบผู้ติดเชื้อเป็นต้องถูกปิดตายทันที ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ตค้าปลีก ค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อของกลุ่มทุนยักษ์ของเจ้าสัวทียังคงได้อภิสิทธิ์เปิดให้บริการได้อยู่ แม้พนักงานติดโควิด ก็ยังคงเปิดให้บริการได้ตามปกติ หรือแค่ปิดทำความสะอาดแค่วันสองวันพอเป็นพิธีนั้น
วันนี้เราจึงเห็นภาพพ่อค้าแม่ขายตามตลาดนัดทั้งหลายแหล่ ต้องออกมาเปิดแผงขายกันนอกตลาด ต้องมายึดฟุตปาธ ริมถนนเป็นแหล่งทำมาค้าขายกันเกลื่อนเมืองแทน เพราะหมดหนทางทำกินกันแล้ว
"จึงไม่แปลกที่เหล่าศิลปินดารา และเซเลปทั้งหลายจะดาหน้าออกมา Call out แสดงจุดยืนและวิพากษ์การทำงานของภาครัฐ และ ศบค.กันเป็นรายวัน อย่างกรณีบ่าาุดที่ เห็น นาย ณ วัฒน์ อิสรไกรศีล เซเลปเหล่านางงามและพิธีกรฝีปากกล้า ที่ออกมาแสดงจุดยืนไม่ยอมก้มหัวให้กับเจ้าสัวกลุ่มทุนกินรวบทุกกิจการในเมืองไทย และถึงกับเปิดหน้าออกมาชนเพื่อเรียกร้องให้สังคมร่วมกันบอยคอยไม่เข้าร้านสะดวกซื้อของกลุ่มทุนเจ้าสัว(แล้วจะให้ไปใช้บริการที่ไหน เพราะรัฐหรือท้องถ่ินสั่งปิดกันไปเกือบหมดแล้ว)"....
และจะว่าไปก็ใช่จะมีแต่เหล่าศิลปินดาราเท่านั้นที่ออกมา Call out ก่อนหน้านี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและ 36 เครือข่ายผู้บริโภคก็เคยออกมา Call out แสดงจุดยืนคัดค้านการที่รัฐบาล ไฟเขียวการควบรวมกิจการระหว่างยักษ์ค้าปลีกค้าส่งในเครือกลุ่มทุนใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะส่งผลให้กลุ่มทุนดังกล่าว มีอำนาจเหนือตลาดย่ิงขึ้นไปอีกจนแทบจะผูกขาดตลาดแบบเบ็ดเสร็จ
ไม่ใช่แค่ Call out แสดงจุดนืนอย่างเดียวยังก้าวรุกถึงขั้นยื่นฟ้องร้องคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า(กขค.)หน่วยงานที่ทำหร้าที่กำกับดูแล แต่กลับไฟเขียวการควบรวมกิจการที่ว่านี้เสียเองต่อศาลปกครอง ซึ่งจนวันนี้เริ่องยังคงคาราคาซังอยู่ในศาลอยู่เลย
"เหนือส่ิงอื่นใด เหตุผลที่ทุกฝ่ายพากันดาหน้าออกมา Call Out แสดงจุดยืนกันเป็นรายวันนั้น เพราะทุกฝ่ายต่างรู้กันอยู่เต็มอก หนทางในการแก้ไขปัญหานี้ให้สะเด็ดน้ำก็อยู่ที่การจัดหาและกระจายวัคซีน(ที่มีประสิทธิภาพ) ฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึงเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยัง "มะงะมมะวาหรา"ไม่สามารถดำเนินการได้ ......"
สองวันก่อน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่กอปรด้วยกลุ่ม “หมอไม่ทน”,ภาคีบุคลากรสาธารณสุข Nurse Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย ยังกันออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ สธ.กระจายวัคซีน Pfizer (ที่ได้รับบริจาค1.5 ล้านโดส)รวมทั้งนำเข้าวัคซีนดังกล่าวมาเป็นวัคซีนหลักให้แก่คนไทยทุกคนด้วยอยู่เลย
ล่าสุดวันวาน 27 ก.ค.2564 ผู้ว่าฯ กทม.ยังระอุศึก "แย่งซีน-แย่งชิง"วัคซันกับอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กันอยู่เลย โดยออกมาแฉถูก สธ.ปัดแข้งปัดขาไม่จัดสรรวัคซีนมาให้สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ตามที่ขอไป จนทำให้ กทม.ที่มีจุดฉีดวัคซีนกระจายอยู่ 25 จุดไม่สามารถจะให้บริการผู้คนได้
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผู้คนเขาออกมา Call Out ไล่ให้รัฐบาล Get Out ไปเสียทีได้อย่างไรจริงไม่จริง