ทั้งตัวและหัวใจ “โค้ชเช” อยากเป็น “คนไทย” พานักกีฬาไทยคว้าเหรียญมานาน งานนี้ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะลุง ** ผู้ว่าฯ “วีระศักดิ์” ขอลาออก หากจัดการเรื่องขอเตียงไม่ได้! สารนี้จะถึงหู “ลุงตู่-ผู้ว่าฯ อัศวิน” บ้างมั้ย?

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ทั้งตัวและหัวใจ “โค้ชเช” อยากเป็น “คนไทย” พานักกีฬาไทยคว้าเหรียญมานาน งานนี้ถ้าไม่ได้ ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะลุง!

คนที่อยู่เบื้องหลัง “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ประสบชัยคว้าเหรียญทองกีฬาเทควันโดในศึกโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ย่อมต้องยกเครดิตให้ “โค้ชเช” เช ยอง ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย

“โค้ชเช” อยู่เมืองไทยมากว่า 20 ปี

ที่ผ่านมา เป็นผู้มีส่วนสำคัญช่วยให้นักกีฬาทีมชาติไทย คว้าเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกมาแล้วหลายราย ทั้ง “น้องวิว” เยาวภา บุรพลชัย เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ, “บุตรี เผือดผ่อง” เหรียญเงินโอลิมปิก ที่ปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน “ชนาธิป ซ้อนขำ” เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนมาถึง “น้องเทนนิส” พาณิภัค
เรียกว่า โค้ชเกาหลีผู้นี้ได้สร้างคุณูปการกับวงการกีฬาของไทยเป็นอย่างมาก

สิ่งที่น่าดีใจแทนคนไทย และชื่นชม “โค้ชเช” นอกจากเหรียญรางวัลแล้ว ก็คือ ความต้องการจะเป็น “คนไทย” มาตลอด ดูจากการให้สัมภาษณ์ ยอนฮับ นิวส์ เอเจนซี่ สำนักข่าวชื่อดังของเกาหลีใต้ ประเทศบ้านเกิดของเขา ถึงสิ่งที่ต้องการ หลังจบการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จนำนักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ในกีฬาโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรก ก็ยังเป็นเรื่องว่า “ผมอยู่เมืองไทยมาเกือบ 20 ปี และรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะตอบแทนความรักและแรงสนับสนุนจากคนไทยทุกคน ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเทควันโดไทย”

พร้อมๆ กับประเด็นที่ถูกถามมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรื่องการขอโอนสัญชาติจากเกาหลีใต้ มาถือสัญชาติไทย แบบเต็มตัวนั้น “โค้ชเช” กล่าวว่า “ผมอยากช่วยคนไทยและกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวกับวงการกีฬามากขึ้น แต่มันอาจจะติดขัดด้วยข้อจำกัดต่างๆ สำหรับคนต่างชาติ และด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ขั้นตอนการดำเนินการล่าช้า ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะเดินหน้าต่อไปโดยคำนึงถึงภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น และคาดหวังว่า การจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างช้าที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้”

ว่ากันว่า โค้ชเกาหลีหัวใจไทยคนนี้ ยื่นเรื่องขอโอนสัญชาติมาแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ เคยตกเป็นข่าวต้องการจะเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทยมานานกว่า 10 ปี ซึ่งทางการไทยก็พร้อมผลักดัน แต่ติดข้อกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ซึ่งต้องให้ผู้ขอเปลี่ยนสัญชาติจำเป็นต้องแสดงเจตนาที่จะสละสัญชาติเดิม เมื่อได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว เช่นเดียวกับกฎหมายของเกาหลีใต้

ขณะที่ภาครัฐพร้อม ก็มีเหตุไม่พร้อมจาก “โค้ชเช” เพราะห่วงครอบครัวต้องไปๆ มาๆ ระหว่างไทย-เกาหลีใต้ เพื่อดูแลย่า
กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ โค้ชเช ได้ติดต่อสมาคมฯให้ช่วยเรื่องการเดินเอกสารทำเรื่องส่งเข้ากระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็ว่ากันอีกว่า “โค้ชเช” ได้บอกผู้ใหญ่ที่สมาคมฯ ถึงความฝันเอาไว้ว่า ตอนที่นักกีฬาไทยได้เหรียญทองโอลิมปิก อยากเป็นคนไทย อยากเป็นโค้ชไทยที่พานักกีฬาไทยได้เหรียญทองโอลิมปิก

นั่นเป็นความต้องการของเขา ก่อนจะพา “น้องเทนนิส” คว้าเหรียญทองโอลิมปิก แต่ก็เสียดายที่ดำเนินการไม่ทัน ไม่เช่นนั้น ความฝันก็น่าจะเป็นความจริงที่สมบูรณ์แบบกว่านี้

ความต้องการขอเป็นคนไทยของ “โค้ชเช” ยังเป็นที่พูดถึงก่อนหน้านี้ ทั้งตัวและหัวใจอยากได้สัญชาติไทยมากๆ โดยเจ้าตัวช่วงระหว่างรอดำเนินการเรื่องเอกสารกับเจ้าหน้าที่ให้เสร็จสิ้นนั้น ตัวเขาเข้าไปกราบมนัสการ “เจ้าคุณธงชัย” สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ที่เคารพนับถือมานาน เพื่อขอให้ตั้งชื่อภาษาไทย และนามสกุล ให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในอนาคต ที่ก่อนหน้านี้ บรรดาลูกศิษย์เคยช่วยกันตั้งชื่อภาษาไทยให้คือ “ชัยศักดิ์” แปลว่า ผู้มีชัยชนะ และศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นชื่อสอดคล้องกับชื่อเกาหลีใต้ของโค้ชเช คือ “เช ยอง ซ็อก”

ความคืบหน้าเรื่องนี้ “ธนาคม จงจิระ” อธิบดีกรมการปกครอง ยืนยันว่า จะพิจารณาเรื่องของโค้ชเชให้เร็วที่สุด และเชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เนื่องจากตัวของโค้ช ก็ยืนยันว่า พร้อมสละสัญชาติเกาหลีใต้แน่นอน จึงไม่มีข้อติดขัดตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ที่ต้องให้เลือกถือสัญชาติเดียวอีกต่อไป

แน่นอนว่า หากสิ่งที่เขาตั้งใจได้เป็น “คนไทย” เต็มขั้น และหวังที่จะพาเทควันโดไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลกให้มากขึ้นในฐานะ “คนไทย” ตอนนี้ก็หวังว่า ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ของ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะไม่ทำให้คนไทยรอนาน

งานนี้ ถ้าไม่ได้งวดนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วละลุง!



** ผู้ว่าฯ “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ขอลาออก หากจัดการเรื่องขอเตียงไม่ได้! สารนี้จะถึงหู “ลุงตู่-ผู้ว่าฯ อัศวิน” บ้างมั้ย ?

แม้จะมีข่าวที่น่ายินดี “น้องเทนนิส” คว้าเหรียญทองโอลิมปิก มาทำให้คนไทยลืมทุกข์ไปชั่วคราว แต่จากความเป็นจริงที่ว่า สถานการณ์ควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ที่ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติ “นิวไฮ” รายวัน พร้อมกับยอดผู้เสียชีวิต ก็อยู่ในอัตราที่น่าเศร้า เรียกว่า วิกฤตไปทั่วทุกหัวระแหงจริงๆ

ถ้าดูตามตัวเลขของจังหวัดที่มีวิกฤตโควิด จาก กทม.ที่ยืนหนึ่ง สมุทรสาคร ถือเป็นพื้นที่สีแดงเข้มผลัดกันขึ้นลงเป็นที่สองกับสมุทรปราการ

เราได้เห็นวิชั่นของ Single Command “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ สั่ง ศบค.แก้ปัญหามาก็มาก เห็น “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม. ดูแลพื้นที่ กทม.อย่างไร ก็ต้องบอกว่า “ผู้ว่าฯ ปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นั่นแตกต่างออกไป

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ไดัใจชาวโซเชียลฯไปเต็มๆ ถึงการทำหน้าที่เผชิญกับวิกฤต สู้กับโควิดแบบ “ทุ่มเทหมดหน้าตัก”

โดยเฉพาะ การโพสต์ลงเฟซบุ๊ก “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ออกมาสรุปการประชุมเมื่อวันที่ 24 ก.ค. โดยถึงการแก้ปัญหาไม่มีการติดต่อกลับจากทีมงานในเรื่องการขอเตียง ภายใน 24 ชม. หากทำไม่ได้ ก็ขอลาออก

“ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ขยายความเอาไว้ว่า การติดต่อขอเตียงให้ผู้ป่วย โดยเฉพาะเตียงในศูนย์พักคอยคนสาคร CI ผ่านโทรศัพท์ หรือไลน์ ที่มีปัญหาการติดต่อมาโดยตลอด ผมขอปรับปรุงเป็นครั้งสุดท้าย ได้เตียงหรือไม่ ไม่ว่ากัน เพราะขึ้นกับสภาพอาการที่อาจไม่เหมาะกับ CI แต่ต้องมีการติดต่อกลับ อย่าถามผม ไม่ต้องติดต่อผม หลังส่งข้อความผ่านไลน์แล้ว หากไม่มีการติดต่อกลับจากทีมงานภายใน 24 ชม. ผมขออนุญาตพิจารณาตนเอง ออกจากการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าทำเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่เหมาะกับการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดไหนครับ

นอกจากนี้ ยังพูดถึง “กล่องห่วงใย” กล่องห่วงใยไม่ใช่ถุงยังชีพ เพราะบรรจุสิ่งของจำเป็นให้ผู้ป่วยโควิดด้วย โดยเฉพาะเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว O2 sat ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งเป็นของจำเป็นมาก กล่องนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ป่วยโควิดอยู่กับบ้าน หรือรอเตียงอยู่เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไป โปรดติดต่อนายอำเภอ รพ.สต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. อสม. หรือแพทย์ประจำตำบล

การตรวจหาเชื้อโควิด เข้าถึงการตรวจยาก มีคิว ต้องมี ปกส. เตียงเต็ม น้ำยาหมด ฯลฯ สารพัดข้อขัดข้อง ตอนนี้จังหวัดเราได้ชุดตรวจ Antigen Test Kits มา 10,000 ชุด ผมหามาเพิ่มอีก 10,000 ชุด ทั้งหมดจะส่งให้ รพ.สต.เป็นคนตรวจ แต่ต้องย้ำก่อนว่า จะตรวจให้เฉพาะคนเข้าข่าย PUI หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเท่านั้น บริการฟรี เริ่มวันอังคารที่ 27 กรกฎาคมนี้

ภายหลังโพสต์ถูกสื่อออกไป มีชาวโซเชียลฯ และชาวสมุทรสาคร เข้ามาชื่นชมและแสดงความเห็นจำนวนมากที่พร้อมจะสู้วิกฤตไปกับ “ผู้ว่าฯ ปู”

งานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในภาวะผู้นำของผู้ว่าฯ ปู ที่บ่งบอกว่า คนจริงเมื่อแก้ปัญหาสังคมก็พร้อมให้กำลังใจกันไปด้วยกัน

น่าสนใจว่า สารนี้จะไปถึงหู “ลุงตู่-ผู้ว่าฯ อัศวิน” บ้างมั้ย ?!!