ส.ส.พท.แถลงถูกขวางชำแหละงบกองทัพ แฉแค่ยอมถอยไปตั้งหลัก ถอนแต่งบซื้อเรือดำน้ำ แต่คงออปชันเสริมไว้เพียบ แถมโผล่งบซื้อโดรนสำรวจชายฝั่งอีก 4.5 พันล้าน จ้องเสนอตัดทิ้งในชั้น กมธ. หากแพ้เจอในสภา ลั่นไม่กลัวถูกฟ้อง พร้อมสู้คดีด้วยชีวิต
วันนี้ (19 ก.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณปี 2565 แถลงว่า ในการประชุมมีความพยายามขัดขวางการทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณของฝ่ายค้านตลอดเวลา โดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการในฐานะประธานในที่ประชุม ไม่ยอมให้เปิดเผยเอกสารของกองทัพเรือ ที่ฝ่ายค้านพยายามซักถามเนื่องจากมีข้อมูลว่า เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของเรือดำน้ำมูลค่ารวม 6,200 ล้านบาท ไม่มีอาวุธ มีแต่เรือเปล่า แต่มีความพยายามบ่ายเบี่ยงว่าเป็นข้อมูลลับ และยังเสนอให้เป็นการประชุมลับด้วย แต่พวกตนไม่ยอม และยืนยันว่า หากเป็นการประชุมลับผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องมาชี้แจงด้วยตัวเอง ต้องไม่ผ่านระบบซูม และนอกจากนี้ ยังพบว่า กองทัพเรือตั้งงบประมาณในการซื้อโดรนสำรวจชายฝั่งเป็นระบบป้องกัน 4,500 ล้านบาท และงบประมาณสร้างศูนย์วิทยุสื่อสารเรือดำน้ำอีก 300 ล้านบาท ซึ่งสงสัยว่า มีความจำเป็นอะไรในภาวะที่ประชาชนอดอยาก มีคนเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวนมาก ซึ่งตนได้เสนอให้ตัดทิ้งทั้งหมด และเสนอญัตติ ขอให้ลงมติในห้อง กมธ.ใหญ่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องผ่านไปห้องอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาอีก และหากไม่ผ่าน ตนก็จะสงวนคำแปรญัตติมาพูดต่อในสภาฟ้องประชาชน
“เขาขอเลื่อนไม่ได้ขอยกเลิก ปีหน้าเขาจะตั้งกลับเข้ามาอีก แต่ในกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยขอให้ยกเลิก ไม่ต้องตั้งกลับเข้ามาอีก คุณต้องดูลำแรกก่อนสิว่าที่ซื้อมาใช้ได้ไหม มันจะมีข้อสงสัยเรื่องคุณภาพเหมือนวัคซีนซิโนแวคอีกไหม” นายยุทธพงศ์ กล่าว
ส่วนที่กองทัพเรือเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายยุทธพงศ์นั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนพร้อมต่อสู้คดี เพราะพูดความจริง และยอมแลกด้วยชีวิต
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในที่ประชุมผู้บัญชาการทหารเรือได้ขอถอนงบจัดซื้อเรือดำน้ำออก 2 ลำออกไป แต่ยังมีงบอาคารท่าเรือ โรงซ่อม และองค์ประกอบอื่นอีกเป็นหลักพันล้านบาท ก็ควรที่จะถอนออกไปด้วย และเป็นที่สังเกตว่า มีความพยายามที่จะพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมอย่างรวบรัด เป็นการพิจารณาพร้อมกันทีเดียวในภาพรวมรวดเดียว 8 หน่วยงานของกระทรวงกลาโหม ในขณะที่งบประมาณของกระทรวงอื่นนั้น แยกทีละหน่วยงาน แล้วให้กรรมาธิการแสดงความเห็นได้คนละ 7-8 นาที ในขณะที่ในส่วนของกระทรวงอื่นๆ เป็นการพิจารณาทีละหน่วยงานของกระทรวงนั้น
ข่าวรายงานว่า ในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณของกองทัพเรือในวันนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กองทัพเรือได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์และบันทึกเสียงการอภิปรายของฝ่ายค้านโดยเฉพาะนายยุทธพงศ์ไว้ทั้งหมด