“แรมโบ้” ย้อน “พิธา” หันกลับมามองดูตัวเองก่อนจะว่าคนอื่น เป็นคนรุ่นใหม่แต่ความคิดยังเก่า คำพูดเหมือนดูดี ทำเพื่อประชาชน แต่สุดท้ายก็เพื่อตัวเอง อยากเข้ามาเป็นนายกฯ มีอำนาจรัฐจนตัวสั่น คงเป็นแค่ฝันค้างกลางวัน ยืนยันนายกฯ เห็นชีวิตประชาชนมีค่าสำคัญที่สุด
วันนี้(18 ก.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีสิ่งที่จะทำทันทีก่อนที่คนไทยจะตายไปมากกว่านี้คือการทำไอซียูสนาม 2,500 เตียงเพื่อรักษาชีวิตคนให้มากที่สุดและจะไล่ระบบประยุทธ์ออกไปรวมถึงรื้อระบบราชการใหม่ โดยนายเสกสกล ระบุว่าการที่นายพิธาใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่ออกมาพูดเพื่อดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลโดยที่ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิดในขณะนี้เป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งนัก
ก่อนที่นายพิธา จะพูดด้อยค่านายกฯ และรัฐบาลควรจะหันกลับมามองตัวเองก่อนว่าสิ่งที่เคยพูดไปให้ประชาชนฟังนั้นเป็นอย่างไร น่าจะอายใจหรือไม่ โดยเฉพาะกับการไปการันตีว่าสามารถติดต่อคนโน้นคนนี้ในต่างประเทศเพื่อจะนำวัคซีนเข้ามา โดยระบุว่าได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่จะช่วยเหลือไปทั่วโลกกว่า 80 ล้านโดส โดยในจำนวนนั้นจะถูกส่งมาที่ภูมิภาคเอเชียซึ่งไทยเป็นหนึ่งที่จะได้รับการช่วยเหลือด้วย และนายพิธา ยังระบุว่าถือเป็นก้าวแรกที่พวกเรา ซึ่งหมายถึงกลุ่มนายพิธา และพรรคก้าวไกลต้องทำงานต่อไปทั้งในมิติ เวลา จำนวนและคุณภาพของการบริหารจัดการวัคซีน สอดคล้องกับการออกมาพูดของนายรักไทย บูรพ์ภาค ที่อ้างว่าตัวเองและกลุ่มคนไทยในสหรัฐฯ ช่วยกันติดต่อ วิ่งเต้น ประสานงานกับหลายฝ่ายในสหรัฐอเมริกา จนผลสุดท้ายสหรัฐตัดสินใจบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ประเทศเป็นจำนวน 1.5 ล้านโดส แล้วในที่สุดก็โป๊ะแตกจนได้ เมื่อทางอุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยโพสต์คลิปวีดีโอ แก้ข่าวขี้โม้ของนายรักไทยทันทีว่า “ตามที่สหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ว่าจะบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทย สถานทูตสหรัฐขอเน้นว่า “ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงแบบรัฐต่อรัฐ ไม่มีคนกลางในการเจรจา ทำเนียบขาว กระทรวงต่างประเทศและสถานทูตสหรัฐ ทำงานโดยตรงกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขไทยในการบริจาควัคซีนครั้งนี้” ล้มเหลวไม่เป็นท่าแบบนี้ไม่น่าละอายมากกว่าหรือ น่าจะขุดรูอยู่หรือเดินเอาปี๊บคลุมหัวได้แล้ว จากการที่ออกมาป่าวประกาศว่าช่วยดีลวัคซีนให้ กลับกลายเป็น “ดีลทิพย์” กระฉ่อนโซเชียลฯ ไปซะงั้น เรื่องของวัคซีนอยากให้เข้าใจว่าตลาดเป็นของผู้ซื้อมันอยู่ที่เขาจะขายให้ใคร หรือไม่ขายให้ใคร
และที่นายพิธา บอกว่าสิ่งที่จะทำทันทีหากเป็นนายกฯ คือตั้งไอซียูสนาม 2,500 เตียงเพื่อรักษาชีวิตคนให้มากที่สุดนั้น นายพิธาเป็นถึงหัวหน้าพรรค ก็น่าจะรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร หนักหนาแค่ไหน แนวคิดของนายพิธา นายกรัฐมนตรีและคณะที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้อง ได้คิดกันมาแล้วทั้งนั้นและทุกฝ่ายก็กำลังดำเนินการกันอยู่ ทุกคนเห็นชีวิตประชาชนมีค่าสำคัญที่สุด พยายามควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ ตรวจเชิงรุกด้วย Antigen test kit ให้เร็วที่สุด และนำคนป่วยมารักษา ถ้าเชื้อน้อย สีเขียว สีเหลือง ก็อยู่บ้านโดยมีหมอ พยายามคอยติดตามอาการอยู่ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลที่คนไข้ล้นอยู่ และจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มอีก นายพิธาเป็นคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ก็อย่าทำใจมืดบอด เหมือนฝ่ายค้านรุ่นเก่าๆ ที่ทำกันมา อย่าให้ประชาชนต้องเสียความรู้สึกกับนักการเมืองรุ่นใหม่แต่ยังคงมีความคิดเหมือนกับนักการเมืองรุ่นเก่าอยู่เลย
“ที่บอกว่าจะเข้ามาไล่ระบบประยุทธ์ออกไปรวมถึงจะรื้อระบบข้าราชการใหม่นั้น นายพิธา อย่าคิดว่าทุกอย่างจะง่ายเหมือนใจคิดไปซะทั้งหมด การเป็นฝ่ายค้านนั้นคิดได้อยู่แล้วทุกอย่าง แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลจริงๆ แล้วจะรู้ว่าไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะมีข้อจำกัดมากมาย แต่ตอนนี้นายพิธารอไปก่อน รอให้ได้เป็นรัฐบาลจริงๆ เสียก่อน แล้วถึงตอนนั้นก็จะรู้ว่าจะทำได้ง่ายเหมือนใจคิดหรือไม่ แต่จะมีวันนั้นหรือเปล่าไม่รู้ หรืออาจจะเป็นนายกฯ เพียงแค่ฝันค้างกลางวันมากกว่า ถ้ามีแนวคิดเช่นนั้น ประชาชนคงไม่เลือกพรรคก้าวไกลให้นายพิธาเป็นนายกฯ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ปกป้องสถาบัน เพราะรู้ดีว่า พรรคก้าวไกลคือพรรคนอมินีของใคร” นายเสกสกล กล่าว