“ทบ.- นักบิน ฮ.ตำรวจ” ซัด “ปวิน” ใช้ “เอกสารปลอม” โยงมั่วทหารไทย ขรก.ไปฉีดไฟเซอร์ ที่สหรัฐฯ “เพชร-น็อต” คิดต่าง..มิตรภาพแหลกสลาย “ไมค์-เฌอปราง” แค่ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้น ถูก “สามกีบ” ทัวร์ลง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ “โยงมั่วซั่วไปหมด นักบิน ฮ.ตำรวจ เตรียมฟ้องเละเทะ หลัง “ปวิน” ปล่อยเอกสารปลอม โจมตีทหารไทยบินไปสหรัฐฯ เพื่อฉีดไฟเซอร์”
โดยเนื้อหาระบุว่า “สืบเนื่องจากกรณีที่ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ก่อตั้งกลุ่มจาบจ้วงสถาบันฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เมื่อวันก่อน กลุ่มทหารไทยบินไปอเมริกากับสายการบินโคเรียนแอร์ 109 คน ซื้อตั๋วแพงสุดไม่ต่อไม่โปร ไปกลับ 70,000 บาท ไปกัน 14 วัน ตัวใหญ่ๆ ตามไปวันถัดมา คาดว่า เดินทางไปฉีดวัคซีนด้วยเงินภาษีประชาชน
…ปลายทางที่เดียวกัน แต่เปลี่ยนเครื่องทั้งบอสตันกับแอตแลนตา โดยตัวใหญ่ที่นำไปเช็กอินบอกห้ามบอกใครค่ะ แต่พอมีคนถามก็ตอบว่าไปโดดร่ม โดยเป็นโครงการที่มีทางอเมริกาสนับสนุน เพราะให้ออกเป็นตั๋วเดลตาโค้ดแชร์ ไม่ได้ออกตั๋วโคเรียนแอร์
…ราคาแฟร์กว่านี้มีไม่ยอมหาด้วยนะคะ ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องออกตั๋วราคานี้ เป็นราคาแพงสุดในแรงค์ economy บางช่วงแพงกว่า business ค่ะ แล้วแต่ละคน กว่าครึ่งพาสปอร์ตเพิ่งทำเดือนที่แล้วเลยค่ะ ได้ละบินเลย และจะขอโหลดกระเป๋าเพิ่มทุกคนด้วย แต่สายการบินไม่ไห้
…จบข่าว”
อีกหนึ่งตัวอย่างของข้าราชการ ที่อ้างว่าไปทำงานต่างประเทศ (เพราะใช้หนังสือเดินทางราชการ) แต่ที่แท้คือใช้เงินภาษีของประชาชนไปเพื่อฉีด Pfizer ที่อเมริกา แม้ว่าตัวเองจะฉีด 2 เข็มแล้วจากเมืองไทย ปล : ออกเดินทางจากไทยวันที่ 9 ถึงอเมริกาวันที่ 10 ฉีดยาวันที่ 11 ค่ะ
ล่าสุด ทางด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจง กรณีมีภาพทหารเดินทางที่สนามบิน และถูกนำไปบิดเบือนว่า กองทัพบกขอแจ้งข้อมูลอีกครั้งเกี่ยวกับการเดินทางไปสหรัฐฯของกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ กับกองทัพบกสหรัฐฯ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค. 64
โดยเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ภายใต้การฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ในปี 2565 พร้อมทั้งมีการกักตัวก่อนไปฝึกในค่ายทหาร และเมื่อไปถึงสหรัฐฯ ก็ปฏิบัติลักษณะเดียวกันตามระบบ Military Trainning Quarantine ซึ่งกำลังพลทุกนายผ่านการ SWAB test ได้ผลเป็นลบ และได้รับการฉีดวัคซีนที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
โดยสรุป กำลังพลทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้เผยแพร่ข่าวการเดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. 2564
เมื่อถามถึงกรณี ที่มีการโพสต์ภาพอ้างว่า ทหารที่ได้ไปครั้งนี้ ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์นั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพพบว่า เป็นภาพปลอม เพราะหากดูรายละเอียดวันเกิดในการ์ด ถ้าเกิดปี 1963 อายุน่าจะ 58 ปี ซึ่งทหารที่ไปไม่แก่ขนาดนั้น ส่วนทหารที่ไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้า กับ ซิโนแวค
ส่วนประเด็นเรื่องค่าตั๋วที่แพงและงบประมาณการใช้จ่ายที่โดนโจมตีนั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า งบประมาณการฝึกร่วมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา...
สำหรับกำลังพลกองทัพบกที่เข้าร่วมการฝึกกระโดดร่มที่สหรัฐฯ ครั้งนี้ มีจำนวน 114 นาย ประกอบด้วย นายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวนนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นปีที่ 5 และ พลทหาร ซึ่งทุกนายได้ผ่านกระบวนการตามมาตรฐานสาธารณสุขในการป้องกัน COVID-19 ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pornchai Pengrungruengwong หรือ สารวัตคิว นักบิน ฮ.ตำรวจ โพสต์ข้อความว่า “ขออนุญาตชี้แจงนะครับ มีบุคคลไม่หวังดี มาโยงผม เอารูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ผมมาราชการเข้าฝึกบิน ฮ. จำลอง ใช้เวลา 7 วัน นะครับ ส่วนเรื่องวัคซีน มันเป็นจังหวะโอกาสที่มาพอดี ผมเดินไปฉีดเองไม่ได้มีใครบังคับ
ปล. กลับประเทศไทย ขอดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมฯ ทุกคนนะครับ ถ้าไม่ลบ และออกมาขอโทษ ผมแคปหลักฐานไว้หมดแล้ว”
สำหรับผู้โพสต์เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ สังกัดกองบินตำรวจ เดินทางไปฝึกในซีมูเลเตอร์เป็นเวลา 7 วัน ที่ สหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/56490/?anm
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “ฟาดเพื่อนรักยับเยิน? “เพชร กรุณพล” สวนกลับ “น็อต วรฤทธิ์” หลังโพสต์เรื่องวัคซีนอีกมุมมอง ดึง 3 กีบทัวร์ลง ซ้ำแห่แบนให้พ้นพิธีกร”
เนื้อหาระบุว่า “กลายเป็นประเด็นร้อน ติดเทรนด์ทวิตเตอร์เลยทีเดียว สำหรับ #แบนน็อตวรฤทธิ์ ซึ่งก็คือ น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ที่เจอกระแสโดนแบน และยังมี “เพชร กรุณพล” เข้ามาตอบโต้เฟซบุ๊ก จนเป็นประเด็นใหญ่โต
โดยเรื่องราวทั้งหมด เริ่มจาก น็อต วรฤทธิ์ โพสต์เรื่องวัคซีน ระบุว่า “ต่อให้มีวัคซีนที่ดีที่สุดแต่ถ้าทุกคนยังไม่ดูแลตัวเองอย่างเข้มงวดก็ไร้ประโยชน์นะจ้ะ” และยังได้มีการแชร์โพสต์ของ ปราชญ์ สามสี เกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีน
จนต่อมา “เพชร กรุณพล” ก็เข้ามาคอมเมนต์ต่อว่า นี่คือสักแต่ว่าเขียนเอาใจรัฐบาลใช่มะ
1. ตายมากี่คนแล้วกับวัคซีนที่ไร้คุณภาพ พอตายก็บอกจากโรคประจำตัว
2. เอกชนเค้ายอมรับความเสี่ยงจากค่าชดเชยเองก็ไม่ให้เค้าซื้อมาใช้ เป็นต้น
จน น็อต ตอบว่า “เรื่องของมึง” จากนั้น เพชร ก็ตอบกลับเพื่อนไปว่า “แต่เรื่องของมึงปลอมอะ” น็อตก็สวนกลับเช่นกันว่า “ก็แล้วแต่มึงจะคิด นี่มันเรื่องของกู”
โดย เพชร ตอบกลับเพื่อนรักไปอีกว่า “คือกูไม่ได้คิดไปเองไง มันมีข้อเท็จจริงและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ไม่ใช่มโนแบบบทความที่เขียนหลอกคน แต่มึงก็เลือกที่จะเชื่อในแบบของมึง กูเอาข้อมูลให้เพิ่มเท่านั้นแหละ เวลาไปคุยกับใครจะได้ไม่อายเวลาเค้าตอกกลับมา” ก่อน น็อต จะตอบกลับเพื่อนว่า “ขอบคุณ”
ขณะที่ในแฮชแท็กทวิตเตอร์ ต่างมีแต่คนเชียร์ “เพชร กรุณพล” ว่าทำถูกต้อง และด่าทอ “น็อต วรฤทธิ์” ว่าเป็น สลิ่ม จะพูดอะไรด้วยคงยาก, เพราะความเป็นสลิ่มที่ไม่รู้สึกรู้สากับความเดือดร้อนที่รัฐบาลเผด็จการนี้ทำกับประชาชน สลิ่มมันก็สลิ่มอยู่วันยังค่ำ ไม่เข้าใจถึงปัญหา และยังคงอยู่ในกะลาไม่คิดเปิดโลก
นอกจากนี้ บางคอมเมนต์ก็วิจารณ์ว่า รายการแฉ ทางช่อง gmm 25 ที่มีน็อตเป็นพิธีกรด้วยนั้น ไม่ควรให้มาทำหน้าที่นี้แล้ว และท้าว่า กล้ามั้ยที่จะอ่านข่าวตัวเอง ว่าติดเทรนด์เพราะเรื่องอะไร มดดำไม่ควรให้เพื่อนมาเป็นพิธีกรแล้ว หรือแค่กลัวเพื่อนไม่มีงานทำ
อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ ยังได้มีการคอมเมนต์อวย “เพชร กรุณพล” และด่าทอ “น็อต วรฤทธิ์” เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กลุ่มม็อบ 3 นิ้ว มักจะมีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทำนองบลูลี่ เหยียด และใช้คำหยาบ ซึ่งงานนี้ “น็อต วรฤทธิ์” อาจจะมีการเก็บหลักฐานไว้ฟ้องหมิ่นประมาทด้วย”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ประเด็น “เลวเกินบรรยาย!? “ไมค์ ภาณุพงศ์” แซะหยาบ พาทัวร์ลง “เฌอปราง BNK48” หลังโพสต์ ภาวนาขอให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างดีขึ้นโดยเร็ว!!”
เนื้อหาระบุว่า “หลังจากที่ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ “เฌอปราง BNK48” ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ให้กำลังใจแฟนคลับและคนไทย ในสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังต้องเผชิญในขณะนี้
โดยระบุว่า “ภาวนาขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นโดยเร็ว ขอให้ทุกๆ ท่าน ผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ขอให้ทุกคนปลอดภัย มีกำลังใจที่ดี ในแต่ละวันนะคะ”
ต่อมา ไมค์ ภาณุพงศ์ แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ได้ทวีตข้อความ ระบุว่า “เฌอปราง ภาวนาอะไรก่อน พระเจ้าไม่สามารถส่งวัคซีนมาให้มึงได้นะ” พร้อมติดแฮชแท็ก #เฌอหลิ่ม #ออกไปอิสัส จนมีกลุ่มก๊วนม็อบ 3 นิ้ว เข้าไปคอมเมนต์ด่าเฌอปรางในโพสต์ดังกล่าว ว่าทำไมไม่ออกมาพูดช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งมีข้อความด่าทอหยาบคาย แต่ล่าสุดพบว่า ข้อความที่ไมค์ทวีตด่านั้นถูกลบไปแล้ว เพราะได้มีคอมเมนต์จากโซเชียล เข้ามาวิจารณ์การกระทำของไมค์ ว่า ทำไมถึงเรียกเหยียดผู้หญิงแบบนั้น
และไมค์ ออกมาทวีตชี้แจงว่า “ขอโพสต์ก่อนไป Social detox ครับ ประการแรก การที่ผมติด #เฌอหลิ่ม เรื่องนี้ผมขอโทษที่ตัดสินเขาเร็วเกินไป
ส่วนคำพูดที่บอกว่า ผมแซะผู้หญิง เขาเพศแม่มึงนะหน้า ตัวเมีย เป็นผู้ชายหรือป่าว แมนๆ หน่อย เอากระโปรงไป ใส่ไหม อันนี้ผมมองว่า พวกคุณกำลังทำให้คำว่า ผู้หญิง ดูอ่อนแอในสายตาคนอื่น ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ไม่ได้ อ่อนแอหรือเข้มแข็งไปน้อยกว่ากัน หยุดการด้อยค่าทาง เพศ คนเท่ากัน การวิจารณ์ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมก็ถูกวิจารณ์ได้ และพร้อมให้วิจารณ์ ทุกคนก็ถูกวิจารณ์ติชมได้ ตาม เหตุการณ์ หยุดลัทธิบูชาตัวบุคคล
การบังคับขอโทษเพื่อให้พอใจกับสิ่งที่พวกคุณต้องการ เรื่องนี้คงต้องทบทวนให้ดีว่า ผมกล่าวถึงบุคคลใด แต่ถ้าเฌอปรางต้องการให้ผมขอโทษ โอเคอันนี้ ยอมรับได้
สุดท้าย ผมก็ขอให้ทุกคนแลกเปลี่ยนกันได้ ด้วยเหตุและผลที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า คำแก้ตัวของไมค์ จะไม่เป็นผล เพราะมีชาวโซเชียลจำนวนมาก เข้ามาต่อว่า เช่น คุณวางตัวไม่ดีเอง เริ่มโจมตีคนอื่นก่อนเอง สิ่งที่คุณได้รับ เทียบกับที่เด็กคนนั้นที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรใครก่อน ก็ถูกโจมตี ใส่ร้ายป้ายไม่ได้เลย
วันนี้คุณต้องโซเชียลดีท็อก เพราะสิ่งที่คุณเลือกที่จะทำเอง แต่เด็กที่คุณโจมตี เพิ่งออกจากการโซเชียลดีท็อกจากสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ กล้าพูดเนอะ social detox แล้วคิดถึงคนที่เขาเพิ่งกลับมาจาก social detox มั่งปะ กลับมาก็เจอคำพูดเหี้_ๆ จากพวกใช้อคตินำปัญญาอะ เคยคิดถึงกันมั่งปะว่า ผู้หญิงคนนึง เจอหนักขนาดนี้ได้ไง พวกเขาเคยภาวนาให้มึงรอดจากคุกแต่สันดานมึงอะอีไมค์ ถ้ามึงโดนจับอีก กูไม่ภาวนาให้มึงแล้ว 1 เชิญจ้ะ”
แน่นอน, ประเด็นสำคัญก็คือ การปะทะกัน ทั้งในแง่การทำสงครามข้อมูลข่าวสาร ที่มีทั้งข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จ หรือ ข้อมูลปลอม และข้อมูลบิดเบือน จนยากแยะแยกความจริงได้
โดยเฉพาะข้อมูลเท็จที่เกิดจากความจงใจปลุกปั่นให้เกิดความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปจากเรื่องจริง โดยมุ่งโจมตีใครหรือหน่วยงานที่ตัวผู้นำเสนอต้องการทำลายล้างนั้น เมื่อหลุดเข้าไปในสังคมออนไลน์ หรือ โลกโซเชียล สิ่งที่ตามมาก็คือ การปลุกระดมความเชื่อที่ผิดๆ ดีๆ นี่เอง
แล้ว ต้องเดือดร้อน เสียหายต่อบุคคล หรือองค์กรที่ถูกจงใจให้ร้ายโจมตี เพื่อให้มีผลกระทบทางการเมือง เช่น โจมตีทหาร ก็เพื่อด้อยค่าทหาร โจมตีข้าราชการ ก็เพื่อด้อยค่าข้าราชการ เหมือนกับที่ปลุกกระแส ด้อยค่าวัคซีน จนคนกลัวทั้งประเทศ และไม่ยอมฉีดวัคซีน กระทั่งมีคนตายเพราะเหตุนี้เช่นกัน
ที่น่าเศร้าไปกว่านั้น และน่าตอกย้ำให้เห็น ก็คือ การทำสงครามความขัดแย้งของคนในสังคม ที่แม้แต่เพื่อน ก็กลายเป็นศัตรู คนคิดดีหวังดี ก็ไม่มีที่ยืนในสังคม เพียงเพราะคิดต่าง เพียงเพราะไม่เข้าข้าง และเป็นพวกเดียวกันกับตัวเอง มันโหดร้ายแค่ไหน แล้วถ้าวันหนึ่งเจอเข้ากับคุณ คนใกล้ชิดคุณ เพื่อน พ่อแม่ ญาติพี่น้องคุณ คุณทำใจได้อย่างนั้นหรือ คิดดูให้ดี!?