xs
xsm
sm
md
lg

เหิมเกริม! # กษัตริย์มีไว้ทำไม “เพจดัง” ตบหน้า “อานนท์” เปิดโปงปั่นโซเชียล “โบว์” ดึงสติ “น้ำตาล” เติมเชื้อรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงกรณีพิเศษให้ “น้องพอส” ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“ในหลวง” พระราชทานความช่วยเหลือเหยื่อไฟไหม้ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงกรณีพิเศษให้ “น้องพอส” เหิมเกริม! ติด # กษัตริย์มีไว้ทำไม “เพจดัง” ตบหน้า “อานนท์” เปิดโปงปั่นโซเชียล “โบว์” ดึงสติ “น้ำตาล-ชลิตา” เติมเชื้อรุนแรง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ ข้อความระบุว่า

“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ในย่านกิ่งแก้ว สมุทรปราการ จนส่งผลให้เกิดแรงระเบิด และบ้านในละแวกนั้นได้รับความเสียหาย ต้องสั่งอพยพประชาชนออกมาอย่างเร่งด่วน ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ก็ยังมีการเฝ้าระวัง ระดมฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิต่อไป ทั้งนี้ พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นักดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย และมีทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้างด้วยนั้น

เพจเฟซบุ๊กจิตอาสาพระราชทาน ได้เผยแพร่ข่าวดี ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ดำรัสสั่งให้พระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนกรณีไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เร่งช่วยเหลือ ได้แก่ โรงครัวพระราชทาน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับศพผู้เสียชีวิตไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ และสงเคราะห์งานศพผู้เสียชีวิตพระราชทานถุงยังชีพพระราชทาน อาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม เครื่องนอน ในเบื้องต้นเป็นการเร่งด่วน ในคืนนี้ 5 กรกฎาคม 2564...

สำหรับนักดับเพลิงผู้เสียชีวิต คือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธุ์ อายุ 19 ปี หรือ น้องพอส ธน 28-78 อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-18 ฐานเทคโน โดยน้องพอส เข้าไปดับไฟเป็นชุดที่ 2 และถูกพบว่าโดนไฟคลอกอยู่ด้านใน โดยกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ “น้องพอส” จะจัดขึ้นวันแรกในวันที่ 6 ก.ค. 64 เวลา 16.00 น. จะมีพิธีรดน้ำศพ ที่วัดทุ่งครุ ถนนประชาอุทิศ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 11 ก.ค. 64

นอกจากนี้ ประธานหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-00 ซึ่งฐานต้นสังกัดของ “น้องพอส” ได้เปิดใจกับสื่อหลายสำนัก ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กดี ปกติแล้วคนที่จะมาสมัครเป็นอาสานักดับเพลิงได้นั้น จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้น เมื่อน้องพอสอายุ 19 ปีบริบูรณ์ ในช่วงประมาณปลายปี 2563 น้องพอสก็เข้ามาขอสมัครทำหน้าที่อาสาดับเพลิงในช่วง ธ.ค. 63 เพราะอยากเดินตามรอยพี่ชายและคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมที่เป็นอาสานักดับเพลิง

ประกอบกับน้องพอสก็เคยบอกกับตนว่า การเป็นนักดับเพลิง คือ ความฝันในวัยเด็กของเขาอย่างหนึ่ง โดยปกติก่อนที่ตนจะรับใครสักคนจะเข้ามาเป็นอาสาสมัคร ก็จะสอบถามว่า ทำไมถึงอยากมาอยู่ในจุดนี้ ตอนนั้น “น้องพอส” ตอบว่า “นี่คือความฝัน ถ้าผมเอาเวลาไปทิ้งเปล่าก็คงไม่เกิดอะไร ผมอยากเอาเวลาที่เหลือมาทำงานเพื่อช่วยเหลือคน และเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ความสูญเสียมันเยอะ จึงอยากเป็นนักดับเพลิง”

ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการทำงานของ “น้องพอส” เกือบ 1 ปี น้องเป็นคนตั้งใจทำงานมาก เรียนรู้ทุกอย่างได้ดีและรวดเร็ว สามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอด ไม่เคยทำงานด้วยความประมาท แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทั้งๆ ที่การทำงานตรงนี้ไม่มีเงินเดือนด้วยซ้ำ จึงทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจ ให้ออกหน่วยไปทำงานประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของงานทั้งหมด
ขอบคุณภาพ : จิตอาสาพระราชทาน

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ก็ได้โพสต์ประเด็นที่น่าสนใจอย่างมากด้วย “เพจดัง ตบหน้า “อานนท์” กระชากหน้ากาก ขบวนการปั่นกระแสในโซเชียล โจมตีสถาบันฯ!? มาจากต่างชาติเกือบ 90%?”

เนื้อหาระบุว่า “จากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติกขนาดใหญ่ บริเวณซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่เวลาตี 3 ของวันที่ 5 กรกฎาคม ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถึงการทำงานของรัฐบาล

นอกจากนี้ ทางด้านสามกีบยังได้มีการปั่นกระแส โจมตีไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเกิด #กษัตริย์มีไว้ทำไม ในทวิตเตอร์

ล่าสุด ทางเพจ The METTAD ได้โพสต์รูปภาพของการเคลื่อนไหวของแฮชแท็ก ว่า เป็นการปั่นกระแสในต่างประเทศ ที่ระบุข้อความว่า เอเยนซีระดับโลกเลยนะเนี่ย

จากภาพดังกล่าว ที่ทางเพจ The METTAD ได้นำออกมาเผยแพร่ ชี้ให้เห็นว่า การปั่นกระแสของ #กษัตริย์มีไว้ทำไม เป็นการปั่นกระแสมาจากต่างประเทศ ถึง 3 ล้าน ในขณะที่ประเทศไทยมีการใช้ แฮชแท็กดังกล่าวเพียง 300,000 เท่านั้น

ภาพ นายอานนท์ นำภา ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ต่อมา นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มคณะราษฎร ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้ #กษัตริย์มีไว้ทำไม ขึ้นเทรนทวิตเตอร์อันดับ 1

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่มีการปั่นกระแส หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม พรรคการเมืองบางพรรค มีการสร้างกระแสเคลื่อนไหวกดดันในโลกออนไลน์ มีการติดแฮชแท็ก แบนคนโน้นคนโน้นคนนี้ ปั่นข้อมูลกันมากมาย แต่พลังในโลกความจริงกลับไม่มีผลเหมือนที่ดูใหญ่โตในโลกออนไลน์

ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 ทางสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง หยุดคุกคามประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 5,962 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 1,121 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม

ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
โดยผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” พบข้อมูลที่น่าพิจารณา คือ จำนวนผู้ใช้โซเชียลเฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว การเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานในวันชุมนุม 16 สิงหาคม มีจำนวน 148,034 คน แต่ถ้านำข้อมูลรวมจากต่างชาติเข้ามาวิเคราะห์ด้วยมีถึงจำนวน 7,928,492 ผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ ข้อสังเกตที่ค้นพบอีกประการหนึ่ง คือ ประเทศไทยมีจำนวนเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 12-24 ปีทั่วประเทศจำนวน 11,056,769 คน อ้างอิงจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในปี พ.ศ. 2562 จึงเห็นได้ว่า กลุ่มเคลื่อนไหว “หยุดคุกคามประชาชน” ในโซเชียลจำนวน 148,034 ผู้ใช้งาน คิดเป็นร้อยละ 1.34 ของเยาวชนทั้งประเทศเท่านั้น ซึ่งยังต้องแยกกลุ่มผู้ใหญ่ที่เข้ามาผสมโรงออกไปอีกในโอกาสต่อไป

ซูเปอร์โพล รายงานอีกว่า ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์บ้านเมืองสงบสุขได้มากกว่านี้มาก ถ้าไม่มีการสร้างปั่นกระแสจากต่างประเทศเข้ามาผสมโรง เพราะระดับกระแสเฉพาะคนในประเทศไทยถูกเติมเชื้อไฟจากต่างประเทศเข้ามาทำให้เกิดภาพลวงตา ปลุกเร้าอารมณ์ให้ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนกำลังตกเป็นเครื่องมือ

โดยฝ่ายหนึ่งใช้วิธีออนไลน์เชื่อมต่อลงพื้นที่จริง (Online-OnGround) ทำให้เกิดภาพกระแสแรงในโซเชียล แต่ผลการศึกษาพบว่า มีกระปลุกปั่นกระแสจากต่างประเทศเข้ามาผสมโรง โดยเฉพาะช่วงนี้จะหนาแน่นจากกลุ่มประเทศในอาเซียน และกลุ่มประเทศตะวันตก เสมือนเกิดสงครามโลกที่ประเทศไทยกำลังตกเป็นประเทศที่ถูกรุมถล่มให้ “เสาหลักของชาติสั่นคลอน” จึงจำเป็นต้องส่งข้อมูลเตือนไปยังประชาชนทั่วประเทศ

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2563 ทางเพจ The METTAD ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีปั่นกระแสในโลกออนไลน์ที่มาจากต่างชาติถึง 90% โดยได้ระบุข้อความว่า

ทำไมความเคลื่อนไหวในโซเชียลไทย ถึงมาจากต่างชาติ เกือบ 90%

ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“ในแวดวงดิจิทัลเอเยนซี ทำการตลาดออนไลน์ มันจะมีพวกที่ทำธุรกิจขายยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอดวิว ยอดแฮชแท็ก ครับ ซึ่งจะเอาไว้ปั่นอะไรต่างๆ เพื่อให้เกิดกระแส

จริงๆ มันมีข้อเสียอยู่นะครับ สำหรับในส่วนของยอด like เพจ เพราะแบรนด์ที่ทำการตลาดด้วยการปั่นยอด like เนี่ย จะทำให้เพจไม่ได้ฐานลูกค้าที่แท้จริง เพราะพอลอง analysis ดู จะเจอไอดีแขกจากต่างประเทศเพียบ ทำให้วิเคราะห์ทางการตลาดไม่ได้เลย จึงเป็นผลเสียต่อแบรนด์ในระยะยาว เอเจนซี่ที่ดีเขาจะไม่แนะนำให้ลูกค้าทำครับ
แต่ในส่วนของการปั่น แฮชแท็ก ผมมองว่า ยอดพวกนี้ มันมีผลทางการตลาดในระยะสั้น คือ กระตุ้นให้คนเกิดความสนใจ แล้วแฮชแท็กพวกนี้มันอยู่ได้ไม่เกิน 2 วันก็ซา มาวูบนึง แล้วก็หายไป ทีนี้จะทำยังไงให้การกระตุ้นระยะสั้นมีผลนานขึ้น ถ้าลองวิเคราะห์ดูดีๆ เราจะเห็นว่า หลังการปั่นแฮชแท็ก จะมีสื่อหลักที่เตรียมนำไปปลุกปั่นต่อ อันนี้เรียกว่า ทำข้อมูล fake ให้มีน้ำหนักขึ้นด้วยการใช้สื่อหลักฝังชุดข้อมูล (ก็ลองไปดูละกันครับว่า สื่อไหนที่ชอบหยิบเรื่อง แฮชแท็ก ไปเล่นบ่อยๆ มันระบุชัดว่าสื่อนั้นกับกลุ่มเคลื่อนไหวเขาทำงานสอดประสานกัน)

ข้อเสียของมันก็มีนะครับ เพราะเป็นการสร้างกระแสปลอมขึ้นมา อย่างที่เราเห็นกันว่า มีบางแบรนด์หลงติดกับ ไปสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวตามกระแสแฮชแท็ก แล้วประเมินผิดจนแบรนด์ขนมปังปิ๊นาศ ข้อเสียในภาพใหญ่ก็มีเช่นกัน เพราะแฮชแท็กพวกนี้มีเป็นล้านๆ แต่พอลงสนามเลือกตั้งจริงๆ ผลก็ออกมาตรงข้ามทุกครั้ง

ดังนั้น ข้อมูลที่ว่า การเคลื่อนไหวแทรกแซงจากต่างประเทศ 90% ผมจึงมองว่า น่าจะเป็นทีมเอเยนซีคนไทยที่รับงานปลุกกระแสในซเชียล โดยไปจ้างทีมปั่น ที่เอาพวกปั๊มไลก์ ปั๊มแฮชแท็กที่เป็นคนต่างประเทศเข้ามาแจมซะมากกว่าครับ”...

ภาพ น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ และ โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา ขอบคุณภาพจากไทยโพสต์
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากกรณี น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @Namtanlita24 ต่อกรณีไฟไหม้ที่ย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่า “อยากเอาสลิ่มมาเผาในกองเพลิงมาก รก” “เดี๋ยวก็จะมาบอกว่า ถึงกับเผากับฆ่ากันเลยเหรออีกคอยดูนะ” “เผาก็กลัวอากาศเป็นพิษอีก ตายยาก” ทั้งนี้ ข้อความของ น้ำตาล-ชลิตา ถูกรีทวีตจำนวนมาก

ต่อมา โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความตอบกลับ ระบุว่า “พฤติกรรมเลียนแบบควรทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ความหยาบคายความรุนแรง เมื่อไปเลียนแบบกันจะพากันยกระดับไปเรื่อยๆ อย่างที่เห็น มาถึงจุดของ hate speech ในที่สุด วันนี้คุณซ้ำเติมสถานการณ์สังคมที่กำลังตึงเครียดด้วยการเติมเชื้อไฟ สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง พรุ่งนี้ขอให้ได้สติค่ะ” (จากไทยโพสต์)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัด ก็คือ การเล่นการเมืองไม่เลือกกาลเทศะของ พวกขบวนการ “สามนิ้ว” หรือ “สามกีบ” โดยเฉพาะที่มีพฤติกรรมเหิมเกริมอย่างมาก ต่อสถาบันฯ และเหยียบย่ำหัวใจคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ซึ่งส่วนใหญ่แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควรแก่เหตุ อย่างเรื่องเหตุไฟไหม้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสถาบันแต่อย่างใด และแม้แต่กับรัฐบาล ซึ่งโรงงานแห่งนี้ก็ไม่ได้เพิ่งมาเกิดขึ้นในสมัย “ประยุทธ์” ส่วนการบริหารจัดการแก้ปัญหาเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ก็ขึ้นกับหลายปัจจัย แต่ดันไปโยนขี้ให้กับคนที่ตัวเองไม่ชอบ

ยิ่งกว่านั้น นับวันก็ยิ่งใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ใช้วิธีการไม่เลือก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี ขอให้บรรลุเป้าหมาย หรือ ขอให้ได้สะใจสิ่งที่ตัวเองต่อต้าน ต่อให้เรื่องนั้นใหญ่ และสำคัญต่อคนไทยขนาดไหนก็ตาม

อย่างล่าสุด แม้แต่เรื่องไฟไหม้ ก็ยังเอาไปติดแฮชแท็ก โจมตีสถาบันฯ ไม่อายโลกเขา ที่ถ้ารู้ภาษาไทย เขาคงคิดว่า นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไทย ไร้สาระสิ้นดี คิดอะไรที่มันมีเหตุมีผลกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ? หรือไม่จริง!


กำลังโหลดความคิดเห็น