“ธรรมนัส” เผยลงพื้นที่โรงงานกิ่งแก้วกลางดึก เพราะที่เกิดเหตุอยู่ในความดูแลของ พปชร. ขณะที่ ส.ส.มีข้อจำกัดเรื่องกักตัว แต่มีอาสาสมัครของพรรคอยู่ 20 คน และได้รายงานว่า มีปัญหาไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงมาสั่งการด้วยตนเอง และประสานกับหน่วยทหารพัฒนาที่เป็นรุ่นพี่
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 6 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุระเบิดและไฟไหม้ที่โกดังเก็บสารเคมีของ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เมื่อกลางดึก จนถูกนำไปเปรียบเทียบเหมือนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นที่ที่อยู่ในความดูแลของ ส.ส.พรรค พปชร. แต่ขณะนี้ ส.ส.ของเรามีข้อจำกัดจากการต้องกักตัว จึงไม่สามารถลงพื้นที่ได้ ซึ่งการกักตัวของ ส.ส.ดังกล่าวเพิ่งครบกำหนดเมื่อเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม ตนจึงลงไปทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตาม เรามีชุดอาสาสมัครอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20 คน ซึ่งทีมได้รายงานสถานการณ์มาให้ตนทราบอยู่ตลอด โดยก่อนลงไปพื้นที่ได้รับรายงานมาว่า ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และพบว่า ยังมีปัญหา จึงต้องไปสั่งการด้วยตัวเอง และประสานงานกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพราะหน่วยงานนี้มีรุ่นพี่ของตนลงไปปฏิบัติหน้าที่อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค พปชร.มีการตั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุดังกล่าวหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีการตั้งศูนย์ไปช่วยในวันนี้ รวมถึงมีการส่งของไปช่วยเหลือบางส่วน และให้ ส.ส.ของพรรคที่อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการทั้งหมด ไปร่วมลงพื้นที่ดูแลประชาชน ทั้งนี้ตนได้นำข้อมูลจากการลงพื้นที่ดังกล่าวรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบแล้ว ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีก็ติดตามสถานการณ์นี้อยู่ตลอด แต่ปัญหาสำคัญ คือ พื้นที่เกิดเหตุมีสารเคมีเป็นจำนวนมากทำให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรง ตนจึงเป็นห่วงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่นี้ โดยตนได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พร้อมกับหาทางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด
“หลังจากที่เราได้เอาจริงเอาจัง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำตัวผู้จัดการโรงงานมาพูดคุยในช่วงค่ำวานนี้ จึงทำให้รู้จุดและพื้นที่ต่างๆ ร่วมถึงที่พักของพนักงานเพื่อช่วยให้แก้ไขปัญหาได้ หลังจากเกิดระเบิดทุกคนต่างหนีกันหมด ทั้งเจ้าของโรงงาน ผู้จัดการโรงงานและวิศวกรก็ไม่อยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบตามหาตัวจนพบตัวเมื่อช่วงดึก จึงทำให้รู้ว่าแท็งก์อยู่ตรงไหนและมีสารเคมีอยู่เท่าไหร่ หรือ แท็งก์ที่ระเบิดไปแล้วมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ละท่อมีระบบปิดวาวล์อย่างไร ซึ่งในตอนแรกไม่รู้ข้อมูลพวกนี้เลยจึงทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานเหมือนคนตาบอด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว