เลขาสภาฯ โบ้ย “สิระ” เข้าใจผิดหาว่าสภาฯลักไก่ก่อสร้าง ฝืนคำสั่ง ศบค. อ้างเคลียร์เจ้าตัวแล้ว พร้อมเข้มขึ้นหลัง “ชวน” ตำหนิมีช่องโหว่ ลั่นร้านค้าไม่ฉีดวัคซีนห้ามขาย ปัดข่าวลือคลัสเตอร์ใหญ่ 30 คน
วันนี้ (30 มิ.ย.) นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกระแสวิจารณ์รัฐสภาลักไก่ก่อสร้าง ท่ามกลางคำสั่งห้ามก่อสร้าง 1 เดือน ตามคำสั่งฉบับที่ 25 ของ ศบค. ว่า เป็นความเข้าใจผิดของ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่พาสื่อบุกชี้จุดก่อสร้าง เนื่องจากสภาฯได้ให้ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้เชิญบริษัท ซิโน-ไทยฯ มาร่วมดูพื้นที่ก่อนจะส่งมอบ และตัวอาคารซึ่งต้องเข้าใจว่าพื้นที่ในสภาฯ และตัวอาคารเป็นพื้นที่ใหญ่มาก ในระหว่างนี้จะต้องบริหารจัดการ จะต้องมีฝ่ายเทคนิคมาดูแล ในช่วงระยะเวลา 2 ปี พร้อมยืนยันว่า แรงงานที่เห็นทั้งหมดที่เข้ามาเป็นคนไทย ไม่ได้มาจากแคมป์คนงานก่อสร้างตามที่เข้าใจ หรือไซต์งานที่ถูกปิด และบริษัทได้สวอปตรวจเชื้อทุก 15 วัน รวมทั้งทุกคนที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามมาตรการของสภาฯ
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงกับนายสิระแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า เป็นการเข้าใจผิด ส่วนกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ระบุว่า สภาฯขณะนี้มีช่องโหว่ ในช่วงเช้าก่อน 08:00 น. ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตามจุดต่างๆ ว่า เบื้องต้นยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ แต่ต้องเข้าใจว่า สภาฯใช้ระบบการคัดกรองผ่านแพลตฟอร์มไปแล้วส่วนหนึ่ง ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการเดียวกัน แต่หลังจากนี้ จะกำชับให้เข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมขอความร่วมมือคนที่จะเข้ามา ต้องคัดกรองตัวเอง เพราะทราบว่าช่วงนี้มีการแพร่ระบาดสูง สภาฯก็ต้องป้องกันคนของสภาฯด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีแม่ค้าร้านโจ๊กที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับรายงานว่า เป็นการติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปฉีดยากันบาดทะยักมา จึงไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ และได้ให้ไปสวอปแล้ว รวมถึงสำรวจเพิ่มเติมว่ามีใครหลุดรอด ในส่วนร้านค้า ใครที่ไม่ได้รับวัคซีนจะไม่ให้เข้ามาขายเด็ดขาด พร้อมกั้นพื้นที่ชัดเจน กันสัมผัสร้านค้า
ทั้งนี้ เลขาสภาฯ ยังชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า มีคลัสเตอร์เจ้าหน้าที่สภาฯติดเชื้อ 30 คน ว่า ไม่เป็นความจริง และสำนักเลขาธิการไม่เคยปิดบังข้อมูล แต่ยอมรับว่า มีเจ้าหน้าที่สำนักชวเลข สามีติดโควิด-19 จึงให้ จนท.รายดังกล่าวไปสวอป แต่ผลเป็นลบ และคนใกล้ชิดก็สั่งกักตัวยืนยันทำตามมาตรการด้านสาธารณสุข เกิดเหตุตรงไหนจัดการตรงนั้น มีการขีดวงว่ามีใครเสี่ยงสูงเสี่ยงต่ำ และสอบสวนโรคไล่เรียงกันไป