รวยอู้ฟู่! สู้เพื่อใคร? “สมบัติ” การ์ดม็อบ “ไทยไม่ทน” ท้า 3 นิ้วแหกตาดู “อาชีพทำม็อบ” แฉบัญชีกว่า 10 ล้าน “สามกีบ” เผยตัวตน “เพชร” อยากโดดถีบ “นายกฯ” “เจี๊ยบ ก้าวไกล” อยากตบหัวสั่งสอน “ไมค์” ด่ารัฐบาลส้นตีน คนเชียร์ก็ส้นตีน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 มิ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “รวยอู้ฟู่!? “สมบัติ ทองย้อย” ท้า 3 นิ้วแหกตาดู “อาชีพทำม็อบ” กางบัญชี 10 ล้าน มวลชนรีบชี้เป้า ใครคือเจ้าของตัวจริง!!”
โดยเนื้อหาระบุว่า หลังจาก นายสมบัติ ทองย้อย การ์ดม็อบไทยไม่ทน ได้มาลงพื้นที่ควบคุมมวลชนการชุมนุมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ตอนนี้ม็อบไทยไม่ทน เปรียบเสมือนเมล็ดถั่วเขียว ที่ถูกโยนลงบนกระดาษทิชชูที่เปียก รอวันเติบโตเป็นถั่วงอก ให้เราเอาไปใส่ในก๋วยเตี๋ยว
แต่มันจะเติบโตเป็นถั่วงอกที่อวบอิ่มน่ากินหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเรานี่แหละที่จะช่วยกันดูแลไม่ให้มันเน่าตายจนใช้งานไม่ได้ และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ผมคนหนึ่งนี่แหละที่จะช่วยดูแล ฟูมฟักเมล็ดถั่วเขียวเหล่านั้นให้เติบโต จนเกิดประโยชน์กับประชาชนทั่วไป อย่างที่ตั้งใจไว้”
โดยมีหลายๆ เสียงในโซเชียลที่ติดตามข่าวม็อบ เข้ามาคอมเมนต์ว่า จากแม่น้ำร้อยสาย กลายเป็นถั่วเน่าหรือป่าว บางคนก็มองว่า ถ้าทำได้จริง ทำได้ตั้งแต่ม็อบ 3 นิ้วแล้ว คนมาน้อย ยอมรับความจริงบ้าง นายสมบัติอย่าเพ้อเจ้อเลย
ล่าสุด ได้มีกระแสฮือฮาอีกครั้ง เมื่อโพสต์ในเฟซบุ๊กของนายสมบัติ มีรูปภาพบัญชีเงินฝาก พร้อมแคปชันว่า “หลังจากกาง บช. ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตัวเลขจะสูงขนาดนี้ #ขอบคุณภาพสวยๆ จากมิตรสหาย” และรูปภาพบัญชีเงินฝากดังกล่าว พบว่า มียอดสูงกว่า 10 ล้านบาท
แต่ชื่อเจ้าของบัญชีถูกแคปตัดออกไป อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าไปตั้งข้อสังเกตว่า เป็นบัญชีเปิดรับบริจาคเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหรือไม่ เนื่องจากมีหลายคอมเมนต์พาดพิงไปถึง “บุ๊ง ปกรณ์” ที่ตอนนี้กำลังขายหมูทอด และเคยทุ่มเงิน 5 ล้านซื้อรถห้องน้ำให้ม็อบ แต่เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าตัวไม่ออกมาเคลื่อนไหว
พร้อมคอมเมนต์วิจารณ์ต่อว่า “ใครก็อยากทำม็อบ 555”
“บัญชีนี่ เท่าที่เห็นเปิดร่วมกัน 3 คนล่ะ”
“ไม่ต้องขายหมูแหละ”
“ขายหมูไม่รวยเท่าขายรถห้องน้ำ…”
“น่าทำสักม็อบ 2 ม็อบว่ะ”
“แจกคนจนเลย”
“ขอวันที่ด้วย เพื่อการตรวจสอบที่แน่ ชัด ด้วย”
อย่างไรก็ตาม มีการโยงว่า บัญชีนี้ น่าจะเป็นเงินท่อน้ำเลี้ยงม็อบ เพราะเคยมีมวลชนจี้ให้แม่ยก ท่อน้ำเลี้ยงช่วยเปิดบัญชีเพื่อชี้แจง แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งที่ผ่านมากองทุนเงินบริจาคในม็อบ 3 นิ้ว จะมี 2 กองหลักๆ คือ กองทุนราษฎร ที่ใช้เงินส่วนตัวไว้เป็นค่าประกันตัวในแต่ละคดี และอีกกอง คือ แม่ยกม็อบเป็นคนดูแล จากการออกมาแฉของแกนนำร่วมก๊วน และนายสมบัติที่เคยเป็นการ์ดให้ม็อบ 3 นิ้ว ก็เคยบอกว่า เบื้องหลังม็อบนั้นเน่าเฟะ แย่งเงินกัน และมีรายได้มหาศาล เพราะแบบนี้ใครๆ ก็ถึงอยากทำม็อบ
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ เพชร กรุณพล คนบันเทิงที่ออกมาสนับสนุนม็อบชูสามนิ้ว ได้ทวีตข้อความ หลังมีคลิปที่พลเอกประยุทธ์ ปล่อยมุกเล่นกับนักข่าว โดยพูดจาเฮฮา และมีคำว่านะจ๊ะด้วยนั้น
“เพชร” ได้ทวีตว่า “ติดเชื้อทะลุ 4 พัน ตายเกิน 50 ยังมีอารมณ์มาเล่นมุกตลก แล้วบอกวันนี้มีความสุข สามัญสำนึกของการเป็นผู้นำมันหายไปไหน ลืมไปสามัญสำนึกของคนยังไม่มีเลยนี่นา “นะจ๊ะ” หาพ่องงงงงงงงง #รัฐบาลเฮงซวย #ผนตรจรกม #ผนงรจตกม” และยังทวีตต่ออีกว่า “ได้ยินนะจ๊ะแล้วอยากกระโดดถีบ”
ขณะที่ ส.ส.ก้าวไกล อย่าง “เจี๊ยบ” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ก็ไม่พลาดเรื่องนี้ ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ไว้ด้วยว่า “ช่างไม่รู้กาลเทศะ “นะจ๊ะ” ไปใช้กับเมียที่บ้าน ไม่ใช่กับประชาชน” พร้อมติดแฮชแท็ก #นายกเฮงซวย
และล่าสุด ส.ส.เจี๊ยบ ได้แคปบทสนทนาในทวิตเตอร์ของตนเองและแฟนคลับ มาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งบทสนทนาดังกล่าวระบุว่า “คุณแม่ค่ะ เมื่อไรเราจะได้มีโอกาสตบหัวสั่งสอนนายกสักที ค่ะ จะเอาความโง่ออกจากกะโหลกหนาๆ ของมันออกให้หมด” ต่อมานางอมรัตน์ตอบว่า “คิดเหมือนกันค่ะ แม่ก็อยาก”
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นางอมรัตน์ ได้เคลื่อนไหวด่ารัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง และระยะหลังก็หลุดคำด่า คำหยาบบ่อยครั้ง จนมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในอนาคตอาจจะถูกทนายความของนายกฯ แจ้งเอาผิดคดีหมิ่นประมาทได้ เพราะแต่ละใช้ที่ใช้พาดพิง นอกจากจะไม่เหมาะสม และยังหยาบคาย รวมทั้งมีพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่เหมาะสมจะนั่งตำแหน่งเก้าอี้ ส.ส.ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น สืบเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกประกาศ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) โดยมีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้าง ห้ามทานอาหารในร้าน รวมกลุ่มสังสรรค์ งานเลี้ยงรื่นเริง และห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดได้ถึง 3 ทุ่ม ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรปราการ สมุทรสาคร) และพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19
ต่อมา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” แกนนำกลุ่ม “ราษฎร” ได้โพสต์ข้อความโจมตีรัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาลด้วยถ้อยคำหยาบคาย ว่า “ล็อกดาวน์พ่อมึง ตอนตี 1 รัฐบาลส้นตีน คนเชียร์ก็ส้นตีน !! #ล็อกดาวน์ #ล็อกดาวน์กรุงเทพ #ล็อคดาวน์กรุงเทพ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิด จากโพสต์ทั้งหมด มีสองประเด็น
ประเด็นแรก คือ ปัญหาภายในที่มีการแฉกันออกมาหลายเรื่อง ล่าสุด คือ เรื่องเงินจำนวนมหาศาล กว่า 10 ล้านบาทที่มีการโอนเข้าบัญชีแกนนำม็อบ แม้ว่า จะมีการปกปิดชื่อเจ้าของบัญชีก็ตาม แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ถูกเปิดเผย จนทำให้คำว่า “สู้แล้วรวย” ของแกนนำที่จัดทำม็อบ เห็นภาพชัดขึ้น ส่วนสาวกที่หลงเชื่อ อาจตกเป็นเครื่องมือทำมาหากินหรือไม่?
ประเด็นต่อมา คือ ภาพลักษณ์ของ “ขบวนการ 3 นิ้ว” ที่นับวันจะกลายเป็นการแสดงธาตุแท้ตัวตนออกมา อย่างท้าทายไม่แยแสต่อสายตาสาธารณชน และสังคมไทย
อย่าลืมว่า “ขบวนการ 3 นิ้ว” พยายาม “ยกตน” เป็น ผู้นำเปลี่ยนแปลงทางความคิด ผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผู้นำต่อสู้ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุดที่คนไทย
เคารพเทิดทูน ที่จะต้องแสดงออกถึงความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจ และเชื่อใจที่จะเดินตามแนวทางการต่อสู้
แต่ทว่า ภาพลักษณ์ตั้งแต่แกนนำม็อบราษฎร สาวกสามนิ้ว ส.ส.พรรค 3 นิ้ว แกนนำคณะ 3 นิ้ว ล้วนแสดงออกไปในทางเดียวกัน อย่างที่โพสต์เอาไว้ อย่างนี้แล้ว หมายถึงอะไร
การเปลี่ยนแปลง ทางความคิด เปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้องด่ากันให้ตายไปข้างหรือเปล่า? สังคมไทย คนไทยชอบอย่างนั้นหรือ หรือเข้าตามตำรา สำนวนที่ว่า “กิริยาส่อสกุล” ดีๆ นี่เอง?