“ประยุทธ์” ปลาบปลื้ม น้ำพระทัย เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ มอบซิโนฟาร์ม 1 ล้านโดส ฉีด ปชช.ยัน เร่งหาวัคซีนเพิ่ม พร้อมสั่งด่วนเพิ่ม 100 เตียง รับผู้ป่วยหนัก กทม. จี้ ก.แรงงาน จัดการพวกต่างด้าวหลบเข้าเมือง ยัน 1 ก.ค.ลงเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่อาคารทีโอที ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมและให้กำลังใจผู้มาฉีดวัคซีน ว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดีเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนซิโนฟาร์ม เป็นการเปิดศูนย์เริ่มฉีดวัคซีนนี้ ของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานและมอบหมายอนุญาตให้ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลทำมาอย่างต่อเนื่องในการประสาน เมื่อได้รับวัคซีนมาจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับการจัดสรรบริษัทที่ลงทะเบียนกับเรา ซึ่งวันนี้มีที่เดียว คือ สถาบันจุฬาภรณ์ ขณะนี้มีแค่นี้เท่านั้น แต่ถ้าวันหน้ามีอีก ตนก็ยินดี แต่ต้องผ่านหลักเกณฑ์กติกาให้ได้ สำหรับวันนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานเข้ามาเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 64 พรรษา ในวันที่ 4 กรกฎาคม จึงต้องร่วมกันถวายพระพรพระองค์ท่าน วันนี้ได้รับวัคซีนมา 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นไปตามที่พระองค์รับสั่งไว้ มาตรฐานให้หน่วยงานละ 6,400 โดส ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณภาพเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งต้องใช้เวลา ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เร่งให้ไวขึ้น แต่ไม่ใช่ว่ามาถึงแล้วฉีดได้เลย ต้องตรวจสอบคุณภาพก่อน ระมัดระวังการปนเปื้อนต่างๆ มันมีโอกาสทั้งนั้น ในวันข้างหน้า ในส่วนนี้เป็นเรื่องดีที่มีการติดต่อระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล และบริษัทก็อยู่ในกรอบของรัฐบาล
นายกฯ กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายวันนี้ เน้นกลุ่มผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย ผู้อาศัยในชุมชนพื้นที่เสี่ยง ผู้ต้องขังกรมราชทัณฑ์ วันนี้เรามีจุดฉีดวัคซีนพันกว่าจุดแล้ว กระจายทุกจังหวัด ฉะนั้น ไม่ว่าจะช่องทางใด ประชาชนทุกจังหวัดจะได้รับการฉีด และการจัดหาวัคซีนก็ยังเป็นไปตามแผน ตนพยายามจะเจรจาเพิ่มเติมอีก แต่พูดมากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของวัคซีนโลก ทุกคนก็ต้องการ ทางบริษัทก็ไม่อยากให้ใครพูดทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องของเราและหน่วยงานที่จะติดต่อประสาน ประโยชน์ที่ได้รับในวันนี้เป็นการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนคนไทยให้กับประชาชนคนไทยทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย
สำหรับการแพร่ระบาดที่มียอดสูงขึ้นทุกวัน หลายคนมีข้อเสนอแนะมากมาย ซึ่งตนจำเป็นต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.ว่า มาตรการต่างๆ ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ซึ่งต้องคำนึงหลายๆ เรื่องด้วยกัน ขณะที่การตรวจเชิงรุกยอดต้องพบยอดเพิ่มขึ้น แต่มันก็ดีกว่าไม่ตรวจ ถูกหรือไม่ ตรวจแล้วก็รักษาได้ ควบคุมได้ ส่วนเรื่องเตียงผู้ป่วยสีแดง ตนได้สั่งให้มีการจัดหาเพิ่มเติม ซึ่งได้คุยกันเรียบร้อยแล้วกับ กทม.และรัฐมนตรีสาธารณสุข อันดับแรกคือ ต้องหาสถานที่ให้ได้ หาห้องความดันลบที่ใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยสีแดงให้ได้ และต้องหาเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ จะเห็นได้ว่าวันนี้ทุกคนเต็มที่แล้ว ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งฉีดและคัดกรอง ตรวจรับ และรักษา และเราจะหาเพิ่มเติมได้จากไหน จะปรับกันอย่างไร ตนคิดว่าขั้นตอนน่าจะเรียบร้อยภายในไม่กี่วันนี้ วันนี้ตนได้สั่งนโยบายไปว่าต้องหาเตียงเพิ่มให้ได้ 100 เตียง โดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์วิจัยต่างๆที่ได้มีการพัฒนาแล้ว เหมือนกับโรงพยาบาลบุษราคัม และต้องเชื่อมต่อระบบได้ด้วยนั่นคือสิ่งสำคัญ และต้องมีหมอเฉพาะทางดูแล
“ผมติดตามทุกเรื่อง ผมก็ถามคุณหมอ หลายคนเสนอว่าต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น ปิดนู่นปิดนี่ เราก็พยายามทำอย่างดีที่สุด ชีวิตต้องเดินหน้าครอบครัวต้องหากินต้องมีเงินใช้ วันนี้เราแก้ด้วยวิธีการ พบการระบาดตรงไหนก็ปิดตรงนั้น สำคัญต้องร่วมมือ ปิดก็คือปิด ต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อไม่ให้แพร่ไปที่อื่น และแก้รักษาให้ได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่อยากให้ร่วมมือกับผม ถ้าเล็ดลอดกันไป ก็มากันอีก จะปิดตรงไหนก็รั่วหมด จะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ เพราะรู้ว่าคนของเรามีรายได้น้อยจำนวนมาก หาเช้ากินค่ำ ฉะนั้น เราต้องเร่งรัดการดำเนินการเรื่องวัคซีนให้เร็วที่สุด ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่เข้ามา”
นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องแรงงานต่างด้าว ได้กวดขันทุกช่องทาง ในเรื่องการลักลอบ มีการเพิ่มจุดตรวจ 400-600 จุดแล้ว แต่จะวางตลอดแนวไม่ได้ ระยะทางตั้ง 2,500 กม. เข้าใจหรือไม่ แต่ก็ยังมีคนพยายามที่จะลักลอบเข้ามา ซึ่งก็ถูกจับได้ ตนได้กำชับไปที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้แรงงานที่เข้ามามี 3 ประเภท คือ 1. ถูกกฎหมาย มาทำงานในพื้นที่อนุญาต 2. ถูกกฎหมาย และทำงานนอกพื้นที่ 3. ผิดกฎหมายทั้งหมด เราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ตนได้สั่งกระทรวงแรงงานให้ไปตรวจโรงงาน ที่มีแรงงานผิดกฎหมาย จะต้องมีความผิด นั่นคือ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ตราบใดที่มีดีมานด์ก็ต้องมีซัปพลาย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ตรงนี้ ซึ่งตนไม่ยอมทั้งสิ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษ
จากผลกระทบโควิด-19 รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง รัฐบาลแก้ปัญหาหลายเรื่องไม่ได้ทำงานหน้าเดียว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เรื่องสำคัญที่รัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ยึดหลักในการแก้ปัญหา คือ การติดเชื้อการแพร่ระบาดตรวจสอบคัดกรองเชิงรุก ปิดกั้นพื้นที่แพร่ระบาด ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วน การจัดหาวัคซีน ให้ฉีดได้มากที่สุดและเร็วที่สุด พร้อมกับการจัดหาเพิ่มเติม และให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปให้ได้ แม้ว่าจะมีโควิดในเวลานี้ แต่ก็ยังมีหลายประเทศอยากจะมาเยี่ยมเยือนเมืองไทย ซึ่งเราต้องมีมาตรการที่รัดกุม เช่น ที่ภูเก็ต วันนี้ก็มอบหมายให้รองนายกฯเศรษฐกิจและสาธารณสุข โดยตนจะไปเปิดงานในวันที่ 1 กรกฎาคม มันต้องทำทั้งสองอย่าง ไม่ใช่หยุดทั้งหมด นั่นคือ เป้าหมายที่เราต้องการ การทำงานต้องมีเป้าหมาย ส่วนนี้ก็แก้ปัญหาแล้วเดินหน้าไป ถ้ามันทำได้ก็ทำได้ ถ้าทำไม่ได้เราก็ต้องหยุดก็แค่นั้น ถ้าทำได้เราก็ใช้แนวคิดแซนด์บ็อกซ์ ไปในส่วนอื่นๆ ได้ เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศถึง 40 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เป็นศูนย์ไม่มีรายได้ รายได้การจัดเก็บภาษีก็ลดลงเราไปรีดกับใครไม่ได้ เราจึงต้องเร่งเปิดตรงนี้ หลายประเทศเขาบอกว่าไม่กังวลประเทศไทย แม้สถิติเราจะตกใจแต่เขาไม่ตกใจ เขามากกว่าเราเยอะ แต่เราก็ต้องทำให้เขาปลอดภัยกลับไปจะประมาทไม่ได้เราต้องดูแล
