“ดีอีเอส” ฮึ่ม! เล็งรื้อ กม.พนันเพิ่มโทษหลังคนไม่เกรงกลัว

“ดีอีเอส” เอาจริงเล็งรื้อกฎหมายพนันเพิ่มโทษ หลังคนไม่เกรงกลัว เตือน “คอลัมนิสต์-พริตตี้-อินโฟเอนเซอร์” รีวิวเชียร์ยูโรแฝงชวนพนันออนไลน์ เจอโทษหนักเท่าเจ้าของบ่อน

วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถึงกรณีการดำเนินการกับการเล่นการพนันในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ว่า กระทรวงดีอีเอสให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บข้อมูลทั้งหมดในเว็บการพนันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ติดตามสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดี ซึ่งยอมรับว่า บางเว็บไซต์ที่มาจากต่างประเทศ ยังไม่สามารถปิดกั้นได้ จึงกำลังหาทางแก้ไขและปรับปรุงอยู่ แต่ถ้าเป็นเว็บไซต์ในประเทศได้ดำเนินการติดตามจับกุมทั้งหมดและดำเนินคดีไปหลายคดีแล้ว

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กำลังติดตามการโฆษณาแฝงเชิญชวนให้เล่นการพนันของบรรดาคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์บอล พริตตี้ และอินโฟเอนเซอร์ เพราะเมื่อรีวิวเชียร์บอลไม่ได้เป็นการเชียร์อย่างเดียว แต่เป็นการรีวิวโฆษณาเว็บไซต์พนันในเพจและเฟซบุ๊กของตนเอง ซึ่งได้รับค่าจ้างในการรีวิวด้วย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะตามกฎหมายแล้วการเชิญชวนให้เล่นการพนันมีความผิดเท่ากับเจ้าของบ่อนการพนัน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามประเด็นดังกล่าว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานโดยจะมีการแถลงข่าวต่อไป

“การไปส่งเสริมให้เล่นการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะนอกจากชักชวนแล้วบางคนได้ค่านายหน้าด้วย สิ่งเหล่านี้มีความผิดชัดเจน คนชักชวนมีความผิดเท่ากับเจ้าของบ่อน จึงถือว่าทำเกินไป ยุให้คนมาเล่นพนัน น่ากลัวกว่าเจ้าของบ่อนอีก นอกจากนี้เมื่อไปเปิดเว็บไซต์ดูทีวีและภาพยนตร์ออนไลน์ก็จะเห็นการโฆษณาเว็บการพนันสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และสังคมไทยปล่อยปละละเลยมานาน” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดเรื่องบทลงโทษ เมื่อนำ พ.ร.บ.การพนัน มาใช้ลงโทษจะน้อย แค่จำคุก 2 ปีและปรับ 2,000 บาท ซึ่งเป็นโทษที่ไม่รุนแรง เมื่อโทษน้อยคนจึงไม่เกรงกลัว และคนที่กระทำผิดไม่กลัวเพราะผลประโยชน์หลายล้านบาท ทั้งนี้ จะต้องไปดู พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และปรับปรุงกฎหมายใหม่ให้มีบทลงโทษควบคุมการพนันออนไลน์มากขึ้น

ส่วนกรณีแม่น้ำหนึ่งจะเข้าข่ายหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวยอมรับว่า กำลังพิจารณาอยู่