ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดรามาวัคซีนจบนะ! เมื่อ “แอสตร้าเซนเนก้า” มาตามนัด! “สยามไบโอไซเอนซ์” จัดส่งมอบตามแผน ก่อนนี้เกิดดรามามากมาย ขณะที่ความต้องการวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดมีสูง แต่ประชาชนยังคอยวัคซีนอยู่ โดยเฉพาะกับ “แอสตร้าเซนเนก้า” ที่รัฐบาลวางไว้เป็นวัคซีนตัวหลักถึงขั้นที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล หากไม่มีวัคซีนฉีดทันในวันที่ 7 มิ.ย. ตามที่ประกาศก่อนหน้านี้ ขอเรียกร้องให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ท่าทีขึงขังส่งสารท้าทาย “รองฯหมอหนู” ด้วยการลาออกหากวัคซีนไม่มาตามนัด แต่ตอนนี้คงต้องย้อนกลับไปถาม “วิโรจน์” จะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อชัดเจนไปแลัวว่า “สยามไบโอไซเอนซ์” ที่ได้รับเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้า อังกฤษ สามารถผลิตวัคซีนได้ตามกำหนดสัญญาเดิม
“เหนือสิ่งอื่นใด สยามไบโอไซเอนซ์ สามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่แอสตร้าเซนเนก้าเลือก” นี่เป็นคำกล่าวของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในวันที่ “แอสตร้าเซนเนก้า” ประกาศพร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทย ให้กับรัฐบาล ใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด หลังจากที่สยามไบโอไซเอนซ์ได้ส่งมอบวัคซีนล็อตแรกได้สำเร็จตามแผน ซึ่งทำพิธีรับมอบกันไปเรียบร้อย
“มาดามแป้ง” ยังบอกด้วยว่า “สยามไบโอไซเอนซ์” ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ตระหนักดีถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลให้สำเร็จโดยรวดเร็วที่สุด และรู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทของคนไทยได้รับเลือกจาก แอสตร้าเซนเนก้า ให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิด และ สามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับ แอสตร้าเซนเนก้า ได้ตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างสยามไบโอไซเอนซ์ และแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพของคนในชาติ รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจไทย จะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดย “สยามไบโอไซเอนซ์” ได้รับการอนุมัติให้เริ่มจัดส่งภายในสัปดาห์นี้ โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ รวมถึงผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้า ในต่างประเทศ
นับเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ว่า มีมาตรฐานในระดับสากล ทั้งนี้ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ในแต่ละรุ่นการผลิต ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 รายการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่า จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล เพราะแอสตร้าเซนเนก้า ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
“แอสตร้าเซนเนก้า” มีเครือข่ายการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ประกอบด้วย ศูนย์การผลิตเฉพาะ 16 แห่ง และพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนอีก 25 แห่ง ในกว่า 15 ประเทศ สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด ของแอสตร้าเซนเนก้าแห่งแรก และแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งจะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค ที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์ ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตวัคซีนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดย แอสตร้าเซนเนก้า จะทยอยส่งออกวัคซีน โควิด-19 ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนกรกฎาคม ณ ขณะนี้ แอสตร้าเซนเนก้า ได้จัดส่งวัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดส ให้แก่ 168 ประเทศทั่วโลก
แน่นอนว่า หลังจาก “สยามไบโอไซเอนซ์” ได้ส่งมอบวัคซีนโควิดล็อตแรกได้สำเร็จตามแผน จะทยอยส่งมอบวัคซีนล็อตแรกจำนวน 1.8 ล้านโดส เพื่อเริ่มฉีดในประเทศไทยในวันที่ 7 มิ.ย.นี้
เมื่อล็อตแรก ส่งมอบ 1.8 ล้านโดส จากนั้นตามแผนของบริษัทฯ จะทยอยส่งมอบให้รัฐบาลจนครบ 6 ล้านโดส ภายในเดือน มิ.ย. และเดือนต่อๆ ไป เดือนละ 10 ล้านโดส จนถึงสิ้นปีนี้
นั่นหมายความว่า อีกไม่กี่วันคนไทยจะได้ใช้วัคซีนโควิดล็อตแรก ที่ผลิตโดย “สยามไบโอไซเอนซ์” บริษัทของไทยแท้ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นจากพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ต้องการให้ประโยชน์สุขด้านสุขภาพตกอยู่กับคนไทย
เป็นอันว่า ดรามาที่ลากยาวมาเป็นซีรีส์ ว่าด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ก็น่าจะกาลสงบ จบลงที่ตรงนี้
** “พชร ยุติธรรมดำรง” ประธาน ก.อ. คนใหม่ ประกาศสะสางคดี “บอส อยู่วิทยา” และผู้เกี่ยวข้อง ฟื้นฟูความเชื่อมั่นศรัทธาองค์กรอัยการ
หลังจาก “พชร ยุติธรรมดำรง” ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) แทน “อรรถพล ใหญ่สว่าง” ที่หมดวาระลง ก็เตรียมประชุม ก.อ.เป็นครั้งแรกในวันที่ 9 มิ.ย.นี้
สำหรับ “พชร” แล้ว ภารกิจเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุด ก็คือ การฟื้นความเชื่อมั่นศรัทธาของของประชาชน ต่อ “สำนักงานอัยการสูงสุด” เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ขององค์กร ถูกวิพากษ์วิจารณ์ มีข้อสงสัยจากประชาชนเป็นอย่างมาก ในเรื่องการอำนวยความยุติธรรม
โดยเฉพาะกรณีของ “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต แต่ “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุดในขณะนั้น สั่งไม่ฟ้อง !!
ประธาน ก.อ.คนใหม่ บอกว่า ในการประชุมครั้งนี้ จะต้องถาม “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด ถึงความคืบหน้าผลการสอบสวนความผิดวินัยชั้นต้น ของ “เนตร นาคสุข” จากกรณีสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” ไปถึงไหนแล้ว เพราะสังคมยังไม่เห็นความคืบหน้า ทั้งที่มีการเปลี่ยนตัวประธานสอบมา 2 ครั้ง คนนี้เป็นคนที่ 3 แล้ว และคงต้องเร่งรัดให้มีการสอบสวนให้เร็วขึ้น
อันที่จริง เรื่อง “คดีบอส” ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไรเลย ทั้งในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย อีกทั้งเรื่องความเร็วขณะชน ก็มีการยอมรับว่าคำนวณไม่ถูกต้อง และเป็นการชนขณะที่รถความเร็วสูง จนสุดท้ายมีการตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่ แล้วมีความเห็นสั่งฟ้อง “บอส วรยุทธ”
“จริงอยู่ที่การใช้ดุลพินิจของอัยการ จะมีความเป็นอิสระ มีกฎหมายคุ้มครองในการสั่งคดี แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้อง ถ้าเอาข้อเท็จจริงที่บิดเบือน มันก็ไม่ใช่การใช้ดุลพินิจแล้ว มันเป็นเถยจิตที่ไม่ถูกต้อง... หากมีการนำฐานะหน้าที่ความเป็นอัยการไปร่วมสมคบคิดกับเขา อย่างน้อยก็เป็นความผิดเรื่องการไม่ดำรงตนในเกียรติศักดิ์ของความเป็นข้าราชการอัยการ”
“พชร ยุติธรรมดำรง” ประกาศว่า หากการสอบสวนพบอัยการคนใดมีส่วนร่วม หรือกระทำการช่วยเหลือในคดี ก็จะไม่มีการเกรงใจแน่นอน และไม่ลังเลที่จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เฉพาะการลงโทษทางวินัย แต่จะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดด้วย !!
“พชร ยุติธรรมดำรง” จบปริญญาตรี นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์, เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, นิติศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ม.รามคำแหง
อดีต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2539 สมาชิกวุฒิสภา อัยการสูงสุด คนที่ 8 และยังเคยเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ และบริษัทหลายแห่ง อาทิ กรรมการ บมจ.การบินไทย, กรรมการ บมจ.ไออาร์พีซี, กรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ...
เมื่อปี 2562 เคยสมัครรับเลือกประธาน ก.อ. แต่พลาดหวังได้คะแนนเป็นรอง “อรรถพล ใหญ่สว่าง” อดีตประธาน ก.อ. ที่เพิ่งหมดวาระไป และในปี 2564 ได้สมัครรับเลือกประธาน ก.อ.อีกครั้ง ปรากฏว่า คราวนี้ ได้รับเลือกด้วยคะแนน1,814 คะแนน จากอัยการทั่วประเทศ 3,155 คน ที่มาลงคะแนน ทิ้งห่างผู้ที่ได้คะแนน ลำดับที่ 2 เกือบ 1,000 คะแนน
จากฉันทามติดังกล่าว หวังว่า สำนักงานอัยการสูงสุดในยุคที่ “พชร ยุติธรรมดำรง” เป็นประธาน ก.อ. จะสามารถบรรลุภารกิจ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นขององค์กร เป็นที่ปรึกษาหน่วยงานของรัฐตามกฎหมาย และเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนในการอำนวยความยุติธรรม ตามที่สังคมคาดหวัง