xs
xsm
sm
md
lg

ศ.นพ.นิธิ แจงชัด “ช่อ” กล่าวหา ค้ากำไร “เพจดัง” เปิดภารกิจช่วยคนไทยจากมะเร็ง “ดร.โสภณ” โดดงับทันควัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ขอบคุณภาพ จาก TRUTHFORYOU.CO
“ช่อ” ชงประเด็น “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ค้ากำไร ศ.นพ.นิธิ แจงชัด ค่าอะไรบ้าง ไม่บวกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว “เพจดัง” เปิดภารกิจยิ่งใหญ่ “ตรวจมะเร็งฟรี” ตามพระปณิธานฯ ที่พสกนิกรซาบซึ้ง “ดร.โสภณ” หมิ่นเหม่โดน ม.112

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 พ.ค. 64) เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda ของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความ หลังจาก “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำ “คณะก้าวหน้า” กล่าวหา ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำเข้าวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” เพื่อค้ากำไร

โดยระบุว่า “ต้องขอโทษที่แถลงข่าวพูดเร็วเกินไป มีคนคิดเลขไม่ทันเข้าใจไปว่า #ราชวิทยาลัยฯ จะหากำไรจากวัคซีนตัวเลือก... ขอเรียนว่า ไม่เป็นความจริงและสรุปสั้นๆ ดังนี้ครับ

ถ้าทุนที่ซื้อวัคซีนมา = X, ค่าขนส่ง = Y, ค่าเก็บรักษา = Z, ค่าประกัน = V ราชวิทยาลัยจะจัดให้ องค์ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนที่ต้องการนำไปฉีดให้กับบุคลากรภายในที่มีชื่อตัวตนระบุชัดเจน ในราคา X+Y+Z+V เท่านั้น ไม่มีการบวกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว และยังมีข้อกำหนดว่า ทุกแห่งจะไปขายให้บุคลากรหรือคนอื่นต่อไม่ได้เป็นอันขาด แต่ท่านจะไปจ้างสถานพยาบาลใดๆ ฉีดให้ สถานพยาบาลนั้นๆ จะไปคิดค่าบริการอื่นใดเป็นข้อตกลงระหว่างสถานพยาบาลและองค์กรที่รับวัคซีนจากราชวิทยาลัยไป

ดังนั้น ประชาชนที่องค์กรนั้นๆ จะดูแล จะได้รับบริการฉีดวัคซีน “ฟรี” ครับ... อันนี้เป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณและการกระจายการฉีดวัคซีนให้ประเทศร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข… แต่ประชาชนเป็นคนๆ อาจจะไม่สามารถรับวัคซีน “ทางเลือก” นี้ได้ อย่างไรก็ดี คิวของท่านในวัคซีน “หลัก” ของประเทศจะได้เร็วขึ้น (ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ)

นอกจากนี้ ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ราชวิทยาลัยมีข้อกำหนดว่า ท่านต้องซื้อวัคซีนเพิ่มอีกร้อยละสิบ เพื่อบริจาคให้รัฐนำไปฉีดให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสและไม่ได้อยู่กับองค์กรใดๆ เช่น ผู้ค้าขายอิสระบนทางเท้า หรือในตลาด
#ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกัน
#ฉีดวัคซีนทุกครั้งสังคมไทยได้ประโยชน์
#คิดถึงคนที่ด้อยโอกาสด้วย”

 ภาพ ภารกิจสำคัญของ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขอบคุณภาพ จาก TRUTHFORYOU.CO
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“มะเร็งลำไส้ใหญ่อยู่ใน 3 อันดับแรกของไทย ผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงถึง 2.4 เท่า” !?! เปิดภารกิจ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตรวจมะเร็งฟรีตามพระปณิธานฯ เรื่องดีๆ ที่พสกนิกรรู้และซาบซึ้งมานาน

#ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ #ตรวจมะเร็งฟรี #พระปณิธานฯ #พสกนิกร

โดยเนื้อหาจาก TRUTHFORYOU.CO ระบุว่า
“จากที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ทวิตเตอร์ ถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือกของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ใช้รายได้ขององค์กรนำเข้ามา ซึ่งช่อได้พาดพิงถึงในการใช้งบประมาณ ว่า มาจากภาษีประชาชน แต่ความจริงคือมีการหารายได้เองด้วย รวมทั้งราชวิทยาลัยก็ช่วยเหลือประชาชน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้เปิดเผยถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่พบบ่อยอยู่ใน 3 อันดับแรกของโรคมะเร็งในประเทศไทย ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.4 เท่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัว โครงการพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นโครงการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้กับประชาชนไทย อายุระหว่าง 50-70 ปี จำนวน 1,300 ราย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สนองพระปณิธานใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีเยี่ยมเทียบเท่าระดับสากล

ภาพ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ จากแฟ้ม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยถึงพระกรุณาธิคุณใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงมีพระวิสัยทัศน์ในการวางรากฐานการดำเนินงานด้านต่างๆ ที่นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับการรักษาพยาบาลให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล

“พร้อมทั้งมีพระประสงค์ที่จะยกระดับการศึกษาด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทย เน้นการพัฒนานวัตกรรมค้นคว้าสร้างองค์ความรู้ใหม่ผ่านกระบวนการวิจัยที่เป็นมาตรฐานสากล และนำมาปฏิบัติใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยในทุกถิ่นฐานอย่างยั่งยืน รวมทั้งพระปณิธานอันแน่วแน่ในการช่วยเหลือผู้ที่ต้องทนทุกข์จากโรคมะเร็ง ควบคู่กับการส่งเสริมป้องกันมะเร็งเพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรอดชีวิต มีอายุยืนยาวขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

ขณะที่ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ รองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายประสัมพันธ์และการตลาด และคณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีด้านภาพวินิจฉัยที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้นำเข้ามาใช้ในการตรวจในโครงการนี้ ว่า เป็นการตรวจหารอยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกวิธีหนึ่ง คือ การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่

ด้านเพจชื่อดัง The METTAD ได้แชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ของ พรรณิการ์ มาแปะ ก่อนที่จะโพสต์ข้อความถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ว่า

“ในส่วนของค่าใช้จ่าย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีในการวิจัยและพัฒนา ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ที่ทันสมัย และการพัฒนาบุคลากร รวมไปถึงการช่วยเหลือประชาชนในการตรวจคัดกรองและการรักษา ทำให้พ่อของบางคนได้รักษามะเร็ง ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ดีที่สุด”

ก็เพราะว่าได้มาจากภาษีไงครับ แล้วเงินพวกนี้ก็มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่ต้องใช้ ส่วนที่เอาไปซื้อวัคซีนจึงต้องทำเป็นการขายเพื่อเอาเงินมาคืนจะได้มีงบเอาไปใช้ เขาก็บอกอยู่ว่า วัคซีนทางเลือก ถ้าไม่เลือกทางนี้ ก็เลือกทางอื่นได้ครับ เช่น Sinovac หรือ AZ ที่ฟรี

แล้วรายได้จากค่าวัคซีนทางเลือกไม่ได้กลับเข้าหน่วยงานนี้เหรอ ค่าใช้จ่ายออกจากที่ไหน รายได้ก็เข้ากลับไปตรงนั้น + – แล้วก็เท่าเดิม ยิ่งหล่อนจะตีความว่า เป็นเงินภาษีของประชาชน เค้าก็เก็บค่าวัคซีนทางเลือกกลับไปคืนภาษีประชาชนไง ไม่ดีเหรอ หล่อนงงอะไรยะ หล่อนจะตีความแบบไหน คำตอบมันก็ตบหน้าหล่อนเองทั้งนั้น เก่งแต่ตั้งคำถามนะหล่อน”

ภาพ ดร.โสภณ พรโชคชัย ขอบคุณภาพ จาก TRUTHFORYOU.CO
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ยังโพสต์ข้อความ ระบุว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันของฝ่ายสามกีบ ที่มีการปล่อยเฟกนิวส์สร้างข่าวลือ เพื่อโจมตีใส่ร้ายสถาบันมาโดยตลอด ส่งผลให้ “ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์” หรือ ศชอ. ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี ม.112 ไปหลายราย เช่นเดียวกับ อาร์ต พศุตม์ ที่กำลังดำเนินการฟ้องเกรียนสามกีบที่เข้ามาป่วน ด่าทอด้วยคำหยาบคาย จนทำให้หลายคนออกมาขอโทษเมื่อถูกหมายเรียก

ล่าสุด ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ มีการเดินหน้าแจ้งความกลุ่มสามกีบที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน โดย ระบุว่า

“แจ้งข่าว สื่อมวลชน
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน 2564 เวลา 11.00 น. ศชอ. จะพาน้องๆ #กองทัพมินเนียน เข้าแจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์ กับผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 ที่ ปอท.”

ในขณะเดียวกัน ทางด้าน ดร.โสภณ พรโชคชัย ซึ่งเคยลงสมัครรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ได้โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ เกี่ยวกับวัคซีน โดยระบุข้อความว่า

“พี่ชายขาย แอสต้า น้องสาวขาย ซิโนฟาร์ม เจ้าสัวขาย ซิโนแวค รบ.แดกส่วนต่าง ปชช.ไม่มีทางเลือก เสี่ยงตายกันไป #ไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความพยายามที่จะตรวจสอบองค์กร หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ “สถาบัน” ของ กลุ่มการเมือง อย่าง “คณะก้าวหน้า”

โดยการออกมาตรวจสองเรื่อง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำเข้าวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” เพื่อค้ากำไร ของ “ช่อ” ก็ไม่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด และแม้ไม่มีประเด็นอะไรให้ตรวจสอบมากนัก แต่การได้ตั้งประเด็นขึ้นมา ให้สาวก “สามกีบ” ได้นำไป “มโน” ขยายผลผิดๆ ถูกๆ เหมือนกับที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ “วัคซีนพระราชทาน” แม้ไม่จริง แต่ในทางการเมืองก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากโพสต์ของสาวกคนสำคัญ อย่าง ดร.โสภณ พรโชคชัย ก็เห็นได้ชัดแล้ว และทำให้เห็นประเด็นที่พวกเขาต้องการได้ดีที่สุด หรือว่าไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น