ผช.โฆษก ศบค. แจงลงทะเบียน “หมอพร้อม” สำเร็จแล้วไม่ต้องกังวล ได้รับฉีดวัคซีนโควิดตามวัน-สถานที่นัดแน่นอน ยันแผนจัดสรรวัคซีนไม่กลับไปกลับมา ระบุโควิดระบาดปริมณฑลยังเป็นลักษณะเดิมในพื้นที่หนาแน่น ของดเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่ระหว่างอำเภอ
วันนี้ (28 พ.ค.) เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึงการปรับแผนการฉีควัคซีนเป็นการปรับเปลี่ยนกลับไปกลับมา ว่า ยืนยันว่า แผนการฉีดวัคซีนไม่ได้กลับไปมา เพราะการจัดสรรวัคซีนทั่วโลก ถือว่าเป็นการอนุมัติฉุกเฉินโดยการรับรองขององค์การอนามัยโลก ปกติการจะอนุมัติวัคซีนออกมาบริษัทจะต้องผ่านการวิจัย 3-5 ปี ถือได้ว่าเป็นการใช้ในระยะฉุกเฉิน ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนเพื่อลดอัตราตาย และลดความรุนแรง เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อ และนำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนบ้านเราการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ทุกคนในประเทศต้องเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ดังนั้น หลักการของการกระจายวัคซีนในระยะแรกตั้งแต่เดือน ก.พ.- พ.ค.มีจำกัด มุ่งไปที่ประชากรที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง รุนแรงที่จะเสียชีวิตหากติดเชื้อ คือ ผู้สูงอายุ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 บุคลากรทางการแพทย์ จังหวัดพื้นที่สีแดง พื้นที่ระบาดรุนแรง จึงมีการเตรียมจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน 50 ล้านคน คือ 100 ล้านโดส ฉีดเข็มที่หนึ่งให้แล้วเสร็จเดือน ก.ย.และเข็มที่ 2 ให้ครบในเดือน ธ.ค. 64 เพื่อที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ปกป้องประเทศไทย ฉะนั้น เมื่อแผนระยะ 2 มา การจัดสรรวัคซีนตามพื้นที่ คือ 1. ควบคุมโรคจัดสรรได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรในแต่ละจังหวัด อย่างเท่าเทียมกัน แต่มีหลายจังหวัดเสนอความเห็นว่าจังหวัดที่ติดโควิด-19 เล็กน้อยทำไมถึงได้วัคซีนเยอะ เป็นไปได้หรือไม่ถ้า จังหวัดที่ระบาดหนัก เช่น เพชรบุรี ชลบุรี เอามาช่วยระดมก่อนได้หรือไม่ ซึ่งก็มีเหตุผลและน่าเห็นใจ แต่จังหวัดที่มีคนติดเชื้อน้อย เช่น สระแก้ว และมหาสารคาม ติดเชื้อน้อย แต่ทำงานหนักมีมาตรการเข้มข้น อสม. ลงพื้นที่ทำให้การควบคุมการระบาดเป็นไปอย่างดีก็ควรจะได้รับการจัดสรรวัคซีน ก็มีเหตุผลต่างกัน ศบค. ก็รับฟังเพราะฉะนั้นจึงมีการปรับเปลี่ยนแผนให้ตรงกันมากยิ่งขึ้น ส่วนการลงทะเบียนหมอพร้อมยังไม่ได้ยกเลิก ส่วนการเปิดให้ลงทะเบียนช่องทางอื่นเป็นการเพิ่มช่องทางให้ลงทะเบียนเข้าถึงการฉีด จองวัคซีนมากขึ้น และเหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ แต่ถ้าจะใช้ระบบหมอพร้อมก็ใช้ได้ แต่ขอให้วิเคราะห์ได้ส่งข้อมูลเข้ามา ส่วนของผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ผ่านยืนยันได้ฉีดแน่นอน ไม่ต้องกังวล
เมื่อถามว่า ลงทะเบียนหมอพร้อมแล้วไปลงทะเบียนที่อื่นที่จะฉีดได้เร็วก่อนได้หรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ถ้าลงหมอพร้อมสำเร็จขอให้อยู่กับหมอพร้อมไม่ต้องเปลี่ยน ยืนยันว่าได้ฉีดแน่นอน ถ้าเปลี่ยนแปลงยังไงเราจะไม่ปิดบัง แต่มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ลงทะเบียนหมอพร้อมแล้วยังไม่ได้รับการยืนยัน วันและสถานที่ฉีด ซีน ถือว่าลงแต่ไม่สำเร็จ ถ้าทาง กทม.เปิดให้ลงทะเบียนจองวัดซีนตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.ก็ไปลงได้ แต่จะไปลงช่องทางใด หรือบางรายไปลงผ่านโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือไปแจ้ง อสม. หรือ รพ.สต. เพราะฉะนั้นทุกช่องทางที่ประชาชนไปลงระบบจะรวมข้อมูลที่หลังบ้านหมอพร้อม และจะมีการออกใบรับรองเมื่อสิ้นสุดเข็มที่ 2 ซึ่งทาง กทม.ได้ชี้แจงว่า โควตาของ กทม.จะมีการจัดฉีดวัคซีนได้ในหลายๆ แห่ง สถานพยาบาลของรัฐ 125 แห่ง เอกชน 25 แห่ง โควตากองทุนประกันสังคมมาตรา 33 อีก 45 จุดบริการ มหาวิทยาลัย 11 แห่ง และสถานีรถไฟกลางบางซื่อ ไม่ใช่แผนปรับไปมา แต่ต้องมา ต้องมี ต้องฉีดยาโรงพยาบาล ต่อมามีการทบทวนว่าไม่จำเป็นต้องฉีดในโรงพยาบาล ฉีดในห้างสรรพสินค้า โรงแรม ส่วนจะฉีดที่ไหนอย่างไร ขอให้ติดตามการประกาศจาก กทม.
“อยากสื่อสารไปถึงคนกรุงเทพฯที่น้ำตาคลอ สับสนโยบายวัคซีน ถ้าวันนี้ยังไม่ชัดเจน จะขอชี้แจงในวันถัดไป และขอโทษ ถ้าทำอะไรทำให้รู้สึกว่าไม่ชัดเจน ทั้งทีมของเราจะทำให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อยากเห็นประเทศไทยแข็งแรง และคนไทยทุกคนแข็งแรง” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ยังแถลงว่า ในส่วนของจังหวัดในปริมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และนครปฐม รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเข้ามา โดยการแพร่ระบาดหลักยังเป็นลักษณะเดิมๆ ในพื้นที่แออัดหนาแน่น เป็นชุมชนแออัด ตลาด จึงเน้นย้ำไปที่ประชาชน ว่าถ้าเป็นไปได้ ขอให้ลดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในจังหวัดเดียวกัน พยายามงดการเคลื่อนย้ายระหว่างอำเภอหรือบางคนที่ทำงานในตลาดแล้วตลาดปิดไปแล้วไม่อยากเห็นการข้ามพื้นที่ไปขายในอีกตลาดหนึ่ง ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯสมุทรปราการ รายงานว่า ตลาด 2 แห่งของสมุทรปราการ คือ ตลาดพระประแดง และตลาดสำโรง ขณะนี้ทางจังหวัดได้ปิดตลาด 3 วัน เพื่อทำความสะอาด โดยมีการลงพื้นที่ค้นหาเชิงรุกและมีการเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามสีเขียว 2 แห่ง ที่จะสามารถให้บริการ 500 เตียง และมีการคัดกรองเชิงรุกเพิ่มเติมคอนโด 2 แห่ง และคัดกรองเชิงรุกอีก 9 ตึก มีห้อง 2,000 ห้อง มีผู้อยู่อาศัยอย่างน้อย 8,000 คน ซึ่งจะมีแผนการตรวจคัดกรองในกลุ่มคอนโดดังกล่าวอย่างน้อยวันละ 1,500 ราย รวมถึงติดตามคัดกรองชุมชนใกล้เคียง
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ศบค.ขอชื่นชมรองผู้ว่าฯ นครปฐม เรามีการรายงานตลาด ชุมชน โรงงาน และแคมป์คนงาน ตอนนี้จึงอยากให้ทุกจังหวัดทุกเขตทุกพื้นที่ได้สำรวจพื้นที่ของท่าน หากยังไม่เกิดการติดเชื้อ แต่ก็ต้องเข้าไปเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองเชิงรุก จังหวัดนครปฐมรายงานว่า 7 อำเภอมีมีการสำรวจพบตลาด 148 แห่ง แคมป์คนงาน 173 แห่ง และโรงงานอีก 5,000 โรงงาน โดยมีการดำเนินการ เฝ้าระวังควบคุมโรคผ่าน ศบค.ตำบลดูแลพื้นที่รวมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยเมื่อมีการพบการติดเชื้อก็จะนำเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล ด้วยกลไกการปกครองส่วนท้องถิ่นระดับเล็ก ซึ่ง ผอ.ศบค.ชุดเล็กบอกว่าเปรียบเสมือนรังผึ้ง เพราะระดับตำบลถือว่าใกล้ชิดประชาชนและจะรู้ปัญหาดีที่สุด