“ธนกร” วอนฝ่ายค้านหยุดตำหนิติเตียนไปมา ขอให้มั่นใจ “บิ๊กตู่” ติดตามใกล้ชิด แนะตั้งสติและพักการเมืองชั่วคราว แจง 3 แนวทางกระจายวัคซีนครอบคลุมทุกกลุ่ม
วันนี้(22 พ.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลยังคงคุมเข้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการทำงานแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อหยุดการแพร่ระบาด ซึ่งพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้ความร่วมมือในการป้องกันโควิด-19 ดีมาก ทั้งนี้ ตนอยากจะขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้าน หยุดตำหนิติเตียนกันไปมาได้แล้ว ขอให้หันมาร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤติในครั้งนี้จะดีกว่า เพราะที่ผ่านมาตนเห็นว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ออกมาตำหนิติเตียนรัฐบาลอย่างเต็มที่แล้ว ควรให้เวลารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่บ้าง โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์นั้น ไม่ควรมีการบั่นทอนกำลังใจ ที่สำคัญข้อเสนอแนะต่างๆ จากทุกฝ่ายรัฐบาลก็รับฟัง ไม่ใช่เวลามาเล่นการเมืองหรือดิสเครดิตท่านนายกฯ แบบชนิดเช้า กลางวัน เย็น อยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งสติแล้วคิดตามในสิ่งที่ตนพูดบ้าง อย่ามาเอาชนะคะคานทางการเมืองในตอนนี้ ประชาชนจะเบื่อหน่าย
นายธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของการกระจายวัคซีนนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเน้นย้ำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ 1.ระบบหมอพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาเปิดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคลงทะเบียน ขณะนี้มียอดลงทะเบียนแล้ว 7.4 ล้านคน 2.การลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration การลงทะเบียน ณ จุดบริการ จะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีดแต่วัคซีนไม่พอในวันนั้นก็สามารถทำการลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามารอฉีดอีกในวันต่อไป สามารถมาฉีดได้เลยตามที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว และขอย้ำว่า ช่องทางนี้เป็นการบริการเสริม สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทาง กทม.ได้จัดให้มีการกระจายจุดบริการวัคซีนทั่วพื้นที่ในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงาน จำนวน 231 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลอีก 25 แห่งด้วย
นายธนกร กล่าวด้วยว่า 3.การจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ หรือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เน้นจัดสรรวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจและนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน และกลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด ประชาชนกลุ่มนี้สามารถติดต่อนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. ได้โดยตรง หรือหากเป็นกลุ่มบุคคลหรือสมาคมที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีด ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศให้ครบ 50 ล้านคนภายในปี 2564