วันนี้ (13 พ.ค.) คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการโครงการพัฒนารูปแบบการเสริมพลังชุมชนการเฝ้าระวังทางสังคมและดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ภายใต้โครงการพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์และรูปแบบบการดูแลทางสังคม และเสริมพลังชุมชนในการเฝ้าระวัง ดูแล และจัดการทางสังคมสำหรับผู้ป่วยและผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนจาก สสส. เข้าไปอบรมให้ความรู้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ชุมชนบางบัว ย่านบางเขนที่มีกว่า 200 ครัวเรือน
ผศ.รณรงค์ จันใด ผู้รับผิดชอบโครงการฯกล่าวว่า ในช่วงโควิดระลอกแรก ชุมชนบางบัวมีข้อกังวลคือผลกระทบทางเศรษฐกิจ และปัญหาการสื่อสาร เนื่องจากมีคนตกงานและขาดรายได้ ขณะเดียวกันมีกรณีเฟคนิวส์เกิดขึ้นในชุมชนทำให้เกิดความหวาดกลัวกัน ทางโครงการฯจึงเห็นควรมีแผนจัดการและแผนเผชิญเหตุ รับมือหากมีการระบาดของโควิดอีกระลอก จนถึงขณะนี้ได้ดำเนินกิจกรรมลดรายจ่ายของชุมชน รวมถึงอบรมให้ความรู้สร้างแกนนำสื่อสารชุมชนเพื่อเตรียมรับมือ โดยกระจายความรู้ด้านการสื่อสารให้คนในชุมชนทราบให้มีการจัดการที่ถูกต้อง รวมถึงทำแผนที่บอกทางในชุมชน และทำบ้านกลาง เพื่อเป็นจุดกักตัว
ผศ.รณรงค์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ชุมชนไม่ตื่นตระหนก มีความพร้อมที่จะจัดการตนเองในการระบาดระลอก 2 และ3 และโมเดลที่วางไว้สามารถตอบโจทย์รองรับวิกฤตอื่นๆ ได้ในอนาคต ซึ่งชุมชนบางบัวมีแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันมาโดยตลอดจึงพร้อมที่จะรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ชุมชนอื่นจะนำไปเป็นแนวทางได้
ด้านนางตุ๋ย พลอยขาว กรรมการชุมชนบางบัว เปิดเผยว่า ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก ไม่มีความกังวลเพราะไม่มีคนในชุมชนติด ขณะที่โครงการฯได้ เข้ามาอบรมให้คำแนะนำ ในการดูแลรักษาความสะอาดและการใช้ชีวิตประจำวันในครอบครัว โดยมีการสื่อสารอย่างทั่วถึงทั้งชุมชน ซึ่งในช่วงแรกชาวบ้านไม่เชื่อ แต่การระบาดระลอกล่าสุดมีคนในชุมชนติด รวมถึงชุมชนในละแวกใกล้เคียงเสียชีวิตจากโควิด-19 จึงเกิดความหวาดกลัว ออกไปทำมาหากินก็ไม่ได้ มีผลกระทบทางด้านจิตใจ และเศรษฐกิจ ทางชุมชนได้นำสิ่งที่โครงการฯแนะนำมาใช้กับชีวิตประจำวันซึ่งได้ผลดี นับได้ว่าโครงการฯเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุมชน เพื่อตั้งรับกับสถานการณ์การระบาดของโควิดระลอก2และ3 จึงขอขอบคุณทางโครงการฯที่ทำให้ชุมชนมีภูมิคุ้มกันพร้อมรับมือและจำกัดวงของการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามไปยังผู้สูงอายุและเด็กในชุมชนได้