“ก้าวไกล” ตั้งโต๊ะซัด “ธรรมนัสค้าแป้ง” ไม่ขาดคุณสมบัติ รมต. ชี้ ยิ่งทำ ปชช.เชื่อว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยสมบูรณ์ ซัด “ประยุทธ์” อุ้มต่อเป็นรัฐบาล “โจรอุ้มโจร” เตรียมยื่น ป.ป.ช.ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรงต่อไป
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ขาดคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรีตามที่มีผู้ร้องระบุว่าเคยต้องคำพิพากษาคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้ว
นายชัยธวัช กล่าวว่า ผิดหวังกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะขัดต่อแนวทางปฏิบัติและแนวทางกฎหมายที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 ซึ่งกระทรวงมหาดไทย เคยได้ทำหนังสือขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาในครั้งนั้น รัฐธรรมนูญในขณะนั้น คือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งไว้ว่าเรื่องหนึ่งว่าคือ “บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำคุกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี ในวันเลือกตั้ง เว้นแต่กระทำผิดโดยได้กระทำโดยประมาท”
“ในครั้งนั้นคณะกรรมการกฤษฎีการมีความเห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำคุกไม่ได้ระบุว่าเป็นคำสั่งของศาลประเทศใด และบุคคลดังกล่าว ถ้าต้องห้ามเฉพาะการกระทำผิดในประเทศไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดในต่างประเทศก็จะลักลั่นไม่เป็นธรรมและผิดหลักเหตุผล ในกรณีเช่นทำผิดอย่างเดียวกัน มีโทษอย่างเดียวกัน แต่ผิดในประเทศต้องห้าม ผิดในต่างประเทศไม่ต้องห้าม ฉะนั้น ให้บุคคลใดเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งทางกฎหมายให้จำคุกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปโดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะจำคุกในประเทศไทยหรือในต่างประเทศก็ต้องเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”
นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า นี่คือแนวทางปฏิบัติที่เคยถูกตีความมาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกาจนกระทั่งถูกล้มโดยศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ จึงทำให้ผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ คำวินิจฉัยในวันนี้ยิ่งทำให้ประชาชนตั้งคำถามมากขึ้นต่อองค์กรอิสระว่ายังเป็นองค์กรตรวจสอบถ่วงดุลตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่มโดยสมบูรณ์ซึ่งนี่เป็นคำถามสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะไม่หยุดตรวจสอบเพียงเท่านี้แต่จะส่งเรื่องไปยัง ปปช.และศาลฎีกาต่อไป เนื่องจากกรณีนี้เป็นการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งในระหว่างการไต่สวนคดี ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ยอมรับกับศาลเองว่า เคยต้องคำพิพากษาจากศาลออสเตรเลียว่าเคยทำผิดและเคยถูกจำคุก จึงเท่ากับว่า ร.อ.ธรรมนัส โกหกคำโตในสภา เพราะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้ ได้กล่าวว่า มันคือแป้งและบอกว่าโดนจำคุกเพียงแค่แปดเดือน แต่กลับได้ยอมรับกับศาลรัฐธรรมนูญว่ากรณีที่ถูกพรรคก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเกิดขึ้นจริง
“แม้ว่า ร.อ.ธรรมนัส จะรอดในวันนี้ แต่เรายังเห็นว่า นายกฯยังต้องพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะเราจะมีรัฐมนตรีที่ทำผิดและเคยถูกจำคุกในคดีร้ายแรง คือ ค้าเฮโรอีนในต่างประเทศได้อย่างไร การมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเรื่องนี้มาแล้วเกือบสองปี เขาไม่เพียงไม่ถูกปลดแต่ยังเติบโตในหน้าที่การงาน ทั้งในพรรคและมีตำแหน่งในรัฐบาล แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลโจรอุ้มโจร รัฐบาลแบบนี้ไม่ตอบโจทย์สังคมไทย จึงชัดเจนอย่างยิ่งว่าจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อคืนความปกติให้สังคมไทยและเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติที่รัฐบาลนี้ไม่มีปัญญาจัดการ” นายชัยธวัช ระบุ