xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำดีๆ มีมั้ย? โพลขอผู้นำช่วยเหลือรวดเร็ว-เด็ดขาด-สั่งการเฉียบ ฝ่าวิกฤตโควิด **"สมศักดิ์"โผล่แล้ว หลังนำคลัสเตอร์สังสรรค์สงกรานต์แพร่โควิด งานนี้วัดใจลุงตู่จะเช็กบิลอย่างไร **แต่งเมียเพื่อวีซ่า!? “เดวิด สเตร็คฟัสส์”เข้าพิธีวิวาห์หวังอยู่ไทยแบบยาวๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ผู้นำดีๆ มีมั้ย? โพลขอผู้นำช่วยเหลือรวดเร็ว-เด็ดขาด-สั่งการเฉียบ ฝ่าวิกฤตโควิด

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่หนักหนาสาหัส ทั้งยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตยังน่าเป็นห่วง ขณะที่การบริหารจัดการรักษาและวัคซีนมีความเหลื่อมล้ำที่เป็นประเด็นปัญหาให้สังคมมองไม่เห็นแสงสว่าง

ซูเปอร์โพล ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,224 ตัวอย่าง เรื่อง "ผู้นำฝ่าโควิด ของไทย" ปรากฏว่า เมื่อสอบถามถึงลักษณะ "ผู้นำฝ่าวิกฤตโควิด" ที่ประชาชนต้องการ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 69.9 ช่วยเหลือประชาชน ด้วยความรวดเร็วฉับไว รองลงมาคือ ร้อยละ 65.3 มีเอกภาพ สั่งการครอบคลุมทุกมิติ ร้อยละ 61.7 เด็ดขาดชัดเจน ร้อยละ 57.5 ซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงกิน ร้อยละ 57.2 เปิดใจกว้างรับฟังรอบด้าน ร้อยละ 57.2 นำคนดี คนเก่ง มาช่วยทำงาน ร้อยละ 54.8 เป็นผู้นำที่พึ่งได้

เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อ ผู้นำประเทศและหัวหน้าส่วนราชการในสถานการณ์โควิดรอบใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.1 ต้องการผู้นำที่เด็ดขาดและมีความรับผิดชอบสูง รองลงมาคือ ร้อยละ 92.4 เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยและทุจริต ร้อยละ 84.2 ระบุ ผู้นำในวิถีประชาธิปไตย ที่เปิดกว้างรับฟังและให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และร้อยละ 83.5 ระบุผู้นำที่ต้องเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจริงจัง

สำหรับคำถามว่า ถ้าวันนี้เลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 42.6 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 23.8 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 9.6 ระบุนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และร้อยละ 24.0 ระบุอื่น ๆ
แน่นอนว่า จากผลโพลคราวนี้คำถามแรก ประชาชนตัวอย่างได้สะท้อนให้เห็นถึง คุณลักษณะของ"ผู้นำ" ที่ดีที่ต้องการในยามวิกฤตแบบนี้ นั้นควรเป็นแบบไหน

ส่วนคำถามตามมาก็ชัดเจนว่า เปรียบเทียบตัวเลือกที่มีอยู่ในวันนี้ระหว่าง "ลุงตู่" คุณหญิงสุดารัตน์ และ พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็อย่างที่เห็นๆ"ลุงตู่"อยู่หัวแถว แต่น่าสังเกตว่า คะแนนลุงกลับต่ำกว่า คำตอบว่าอื่นๆ

ผลโพลนี่บ่งบอกนัยยะอะไร? เชื่อว่า หลายคนก็คงตีความกันได้ วันนี้ "ผู้นำดีๆ" ที่ประขาชนต้องการนั้น มีมั้ย ?



**"สมศักดิ์"โผล่แล้วจากกบดาน หลังนำคลัสเตอร์สังสรรค์สงกรานต์แพร่เชื้อโควิดกระจาย งานนี้วัดใจลุงตู่ จะเช็กบิลอย่างไร

เงียบหายไปจนชาวโซเชียลฯ ต้องประกาศตามหาตัว จนเพจดัง CSI LA ได้โพสต์ข้อความถึง "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยเนื้อหาบอกว่า "ข่าว รมต.สมศักดิ์ เงียบกริบมากจริงๆ ไม่มีใครรู้ข่าวเลย นักข่าวก็ติดต่อไม่ได้ แต่คนวงในบอกว่า วันก่อน รองอธิบดีหอบยาละลายลิ่มเลือด Enoxaparinออกไปจาก รพ. เอาไปให้ใครไม่ทราบ เขาบอกว่า คนที่ติดเชื้อโควิด จะมีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ ผมสงสัยเหมือนกันว่า "ลุงสมศักดิ์" เคยได้ฉีดวัคซีนรอบที่ 2หรือไม่ หลังจากฉีดโชว์ และวันนั้นฉีดวัคซีนจริงไหมหรือแค่น้ำเกลือ"

งานนี้ จึงมีคนสงสัยใคร่รู้ รมว.ยุติธรรม ยังอยู่สุขสบายดีมั้ย?

ต่อมา "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสื่อว่า สุขภาพยังแข็งแรง และพร้อมจะเข้าทำงาน ที่หายตัวไม่ส่งข่าวใคร ก็เพราะอยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ครบกำหนด 14 วัน และเตรียมจะเข้าทำงานในกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 3 พ.ค.นี้

แต่เรื่องคงไม่จบง่ายๆ เพราะ มีคำถามตามมาว่า ถ้า"รมว.สมศักดิ์" โกหกไม่พูดความจริง ยังสมควรเป็น รมต.ยุติธรรมได้ต่ออีกหรือไม่ ?

ต้องไม่ลืมว่า "คลัสเตอร์คาเฟ่เดอทรี" จังหวัดสุโขทัย ที่เป็นสถานที่จัดงานรดน้ำดำหัว "รมว.สมศักดิ์ เทพสุทิน" ช่วงสงกรานต์ ที่ภายหลังตรวจพบว่า มีการแพร่เชื้อโควิดติดต่อกันเป็นจำนวนมาก จนถูกสั่งปิด

มีข้อมูลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์ร้านอาหารคาเฟ่เดอทรีนั้น พบว่ามีจำนวนถึง 21 ราย อีกทั้งแพร่กระจายเชื้อไปสู่ครอบครัว และผู้ใกล้ชิดอีก 34 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ร้านอาหารดังกล่าว สูงถึง 55 ราย จำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว1 ราย

เพราะฉะนั้นจึงมีคำถามอีกว่า ควรหรือไม่ที่รัฐบาลต้องสอบสวน รมว.ยุติธรรม ดำเนินคดี ให้เป็นตัวอย่างด้วยโดยในงานมีหลักฐานชัดเจนกรณีที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งไม่สวมหน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง อยู่รวมกลุ่มกัน และที่สำคัญ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กลับทำผิดเสียเอง!!

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกฯจะทำอย่างไรกับกรณีนี้ ในภาวะวิกฤตโควิดแบบนี้ อย่าดูเบาความรู้สึกของสังคม เพียงเพราะ "สมศักดิ์" เป็นรมต.ของพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำอะไรก็ได้ งานนี้วัดใจกัน
ลุงต้องเคลียร์คัตตัดจบให้ดี มิฉะนั้นมีหวังจะพากันพังไปอีกแถบ!!


** แต่งเมียเพื่อวีซ่า!? “เดวิด สเตร็คฟัสส์”จูงแฟนสาวเข้าพิธีวิวาห์แบบบ้านๆ หวังผลได้อยู่ไทยแบบยาวๆ

จะเรียกว่าเป็นวิวาห์สายฟ้าแลบก็ได้ สำหรับ“เดวิด สเตร็คฟัสส์”หนุ่มใหญ่ชาวเมริกัน กับแฟนสาวชาวไทยที่ชื่อ “วิส - หทัยรัตน์ พหลทัพ”ที่เปิดตัวต่อ เป็นคนรู้ใจกันมานานกว่า 2 ปี แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะจัดงานพิธีมงคลสมรสให้ถูกต้องกันตามประเพณีแต่อย่างไร แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งสองก็เข้าพิธีผูกข้อต่อแขน ประกาศความเป็นสามีภรรยากัน ท่ามกลางสักขีพยานที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ก่อนถึงวันที่ ตม. นัดฟังผลการขอวีซ่าของฝ่ายเจ้าบ่าว ในวันที่ 3 พ.ค.นี้

เป็นที่รู้กันดีว่า “เดวิด สเตร็คฟัสส์”ถูกเปิดโปงว่าเป็น “ซีไอเอภาคพลเมือง”รับเงินจาก NED หน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝังตัวอยู่ในภาคอีสานของไทย เคลื่อนไหวเผยแพร่แนวความคิดบ่อนเซาะสถาบันเบื้องสูงของไทยมานานร่วม 30 ปี ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติ (Council on International Educational Exchange - CIEE) ที่ฝังตัวในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาเป็นเวลา 27 ปี และเป็นผู้ก่อตั้ง/ผู้ดูแลสำนักงานข่าว“เดอะอีสานเรคคอร์ด”สื่อกลางของกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและต่อต้าน ม.112 ในประเทศไทย

“เดวิด สเตร็คฟัสส์”ถูกทางการไทยเพิกถอนวีซ่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลันขอนแก่น เลิกจ้างในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาของคณะ กับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ 15 ส.ค. 63 ถึง 15 ส.ค. 64 แต่เขาไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามที่ได้รับการมอบหมาย จึงต้องยกเลิกการจ้าง ส่งผลให้ใบอนุญาตการทำงานที่กรมการจัดหางานออกให้สิ้นสุดลง และมีผลให้วีซ่าการทำงานในไทยหมดลงไปด้วย

แต่หนุ่มใหญ่สายเลือดอเมริกันผู้นี้ ยังพยายามที่จะอยู่เมืองไทยต่อ โดยอ้างถึงความผูกพันที่มีต่อผู้คนในภาคอีสานมายาวนาน แต่ลึกๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะภารกิจยังไม่สำเร็จ หรือเปล่า! “เดวิด สเตร็คฟัสส์” จึงยื่นขอวีซ่าต่อ ตม.อีกครั้ง โดยอ้างในเอกสารประกอบการต่อวีซ่าว่า ได้นายจ้างใหม่แล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นบริษัท บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ข่าว “เดอะอีสานเรคคอร์ด”ที่ตัวเขาเองและแฟนสาวบริหารจัดการดูแลมานานหลายสิบปีนั่นเอง โดยทาง ตม.ได้นัดฟังผลการพิจารณาว่าจะอนุมัติวีซ่าให้หรือไม่ ในวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งก็คือวันนี้ โดยเลื่อนจากกำหนดเดิมที่นัดไว้ในวันที่ 19 เม.ย.
จะว่าไป “หทัยรัตน์ พหลทัพ”เจ้าสาวที่เข้าพิธีแต่งงานกับ “เดวิด”เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ใช้ภรรยาไทยคนแรก โดยก่อนหน้านั้น“เดวิด”เคยมีภรรยาเป็นทนายความ ชาว อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่ได้เลิกรากันไปเมื่อราว 2 ปีก่อน

“เดวิด”กับ “หทัยรัตน์”ถือว่าเข้าคู่กันได้เป็นอย่างดี ในมุมมองด้านการเมืองและสถาบันเบื้องสูงของไทย โดยก่อนหน้านี้ “หทัยรัตน์” เป็นนักข่าวสายสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม การเมืองและประชาธิปไตยมานาน เคยทำงานที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เคยได้รับรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชนจากองค์กร แอมเนสตี้ เมื่อปี 62 และยังเป็น 1 ใน 4 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิง ที่จัดโดยแอมเนสตี้ ประเทศไทย อีกด้วย

เรียกได้ว่ามีดีเอ็นเอทางความคิดเดียวกันกับ“เดวิด สเตร็คฟัสส์”ทั้ง 100% เลยก็ว่าได้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ “พ่อเดวิด”ไม่อยากจะจากดินแดนไทยไปไหน

หลายฝ่ายจึงมองกันว่า การลงหลักปักฐานด้วยการจัดพิธีผูกแขนแสดงตนเป็นคู่ผัวตัวเมียอย่างเป็นทางการกับสาวไทยครั้งนี้ น่าจะมีนัยเพื่อให้เหตุผลในการขอต่อวีซ่าอยู่ต่อในประเทศไทยมีน้ำหนักมากขึ้น และที่หวังผลไปกว่านั้น เมื่อชาวต่างชาติแต่งงานกับคนไทย มีทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็สามารถขอวีซ่า ที่เรียกว่า “วีซ่าแต่งงาน”หรือ “วีซ่าติดตามสามี - ภรรยา”ซึ่งวีซ่าประเภทนี่สามารถอยู่ประเทศไทยได้เป็นเวลา 1 ปี และต่ออายุได้ทุกปี เพียงแต่ต้องไปรายงานตัวที่ ตม. ทุก 90 วัน นอกจากนั้นยังสามารถขอ Work permitทำงานในประเทศไทยต่อไปได้ด้วย

เรียกได้ว่าการเข้าพิธีแต่งงานอย่างง่ายๆ แบบบ้านๆ ของ“เดวิด สเตร็คฟัสส์”ที่หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวจริงๆ




กำลังโหลดความคิดเห็น