“สุวดี-รณกาจ” ทีม กทม. พรรคไทยสร้างไทย ลุยแจกถุงขยะสีแดง รณรงค์คัดแยก-จัดการขยะติดเชื้อให้ถูกวิธี ในโครงการ ”ถุงแดง เปี่ยมแรงใจ” ลดความเสี่ยงแพร่ระบาดของโรคโควิดในชุมชน พร้อมจี้ภาครัฐขันนอตระบบรับผู้ป่วย หยุดวงจรแพร่เชื้อในครอบครัว
วันนี้ (28 เม.ย.64) น.ส.สุวดี พันธุ์พานิช และ นายรณกาจ ชินสำราญ ในฐานะทีม กทม. พรรคไทยสร้างไทย ได้นำถุงขยะแดงสำหรับแยกขยะของผู้ติดเชื้อหรือผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มามอบให้กับชุมชนต่างๆในพื้นที่ กทม. เพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีผุ้ติดเชื้อมากขึ้นหลายชุมชน และต้องกักตัวอยู่บ้านรอเตียงจากโรงพยาบาล
น.ส.สุวดี ในฐานะคณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงที่มาของแนวคิดการมอบถุงขยะสีแดง ตามโครงการ “ถุงแดง เปี่ยมแรงใจ” เกิดจาก คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคไทยสร้างไทย มองเห็นถึงปัญหาว่า หากไม่มีการจัดการขยะจากบ้านหรือที่พักของผู้ติดเชื้อหรือผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากขยะดังกล่าวได้ จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแยกสีถุงขยะให้ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในการกระจายเชื้อกับคนในชุมชน และช่วยคนเก็บขยะให้ป้องกันตัวเองจากขยะติดเชื้อได้ ดังนั้นเราจึงทำโครงการนี้ขึ้นมา และต้องการรณรงค์ให้เกิดการตื่นตัวในวงกว้าง
“การทิ้งขยะติดเชื้อปนอยู่ในขยะอื่นอาจเพิ่มการแพร่กระจายเชื้อ ผู้ติดเชื้อระหว่างการรอคอยเตียงอยู่ที่บ้านควรได้รับการแนะนำเรื่องการทิ้งขยะติดเชื้อ และขอให้ กทม. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ แยกขยะจากถุงแดง เพื่อนำขยะไปทำลายอย่างถูกวิธี” น.ส.สุวดี กล่าว
ด้าน นายรณกาจ ในฐานะคณะกรรมการกิจกรรมและคนรุ่นใหม่ พรรคไทยสร้างไทยกล่าวว่า ทีม กทม. พรรคไทยสร้างไทย ได้ลงพื้นที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เข้ามาช่วยผู้ป่วยและผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์แล้ว ช่วยกันไปหลายสิบรายแล้วทั่ว กทม. จากการลงทำงานทุกวันทำให้เราเห็นปัญหาว่า หากไม่มีการจัดการขยะในบ้านของผู้ติดเชื้ออย่างถูกวิธี โดยมาตรการเดียวกับโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ก็จะเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้
“เราเห็นความสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด จึงนำถุงแดงมาแจกให้ชุมชนต่างๆที่มีผู้ติดเชื้ออาศัยอยู่ และจะแจกต่อเนื่อง โดยประสานกับประธานชุมชนให้กระจายถุงแดงไปที่บ้านผู้มีความเสี่ยง” นายรณกาจ กล่าว
นายรนกาจ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังคงเป็นห่วงการบริหารจัดการในการส่งต่อผู้ป่วยของรัฐที่มีความล่าช้าอย่างมาก ประเด็นนี้สำคัญมากๆ เพราะหลายพื้นที่หลายชุมชน มีกลุ่มเสี่ยงที่รอการตรวจ และผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านหลายรายมาก ทั้งนี้ความเสี่ยงของการให้รักษาตัวอยู่ที่บ้านของหลายครัวเรือน คือ บ้านเป็นห้องเช่า มีอยู่ห้องเดียวแต่อยู่กันหลายคน บางบ้านอยู่กันถึง 6 คนในห้องเล็กๆห้องเดียว พอติดเชื้อคนนึง ก็ติดหมดทั้งครอบครัว ทั้งผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ทำให้หมอและพยาบาลจะต้องดูแลคนจากหนึ่งกลายเป็นมากถึง 6 คน เป็นต้น อีกทั้งมีความเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่กระจายไปทั้งชุมชน เพราะบ้านเรือนอยู่ติดๆกัน ห้องเช่าอยู่ติดๆกันด้วย
“อยากขอให้ภาครัฐ รีบเร่งจัดเตรียมการสาธารณสุข จัดเตรียมเตียงและการรองรับให้เพียงพอและทันท่วงทีกับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดงานของหมอและพยาบาล และควบคุมการแพร่เชื้อได้ในเร็ววัน” นายรณกาจ ระบุ.