เมืองไทย 360 องศา
ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีกับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข สองจำเลยในคดีความผิดอาญา มาตรา 112 และอีกหลายความผิด รวมไปถึงยินดีกับพ่อแม่พี่น้องและบรรดาญาติๆ ผู้สนับสนุน หลังจากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว) ระหว่างการพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
เหตุที่ทั้งสองได้รับการประกันตัวออกมานั้น เนื่องจากจำเลยทั้งสองแถลงยืนยันตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 5 เม.ย. 64 หากได้รับการปล่อยชั่วคราว จะไม่กล่าวพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้เสื่อมเสียถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งได้แถลงยืนยันในวันที่ 23 เม.ย. ว่า ได้แถลงข้อความดังกล่าวด้วยความสมัครใจ และยืนยันว่า จะทำตามคำแถลงดังกล่าว จึงไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอให้เชื่อได้ว่า จำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุร้ายอื่นผู้ขอประกันจำเลยทั้งสองในคดีนี้ ไม่เคยผิดสัญญา หรือมีข้อบกพร่องอื่น หลักทรัพย์ที่ยื่นเป็นเงินสด มีมูลค่าถึง 500,000 บาท พอสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี
อีกทั้งจำเลยทั้งสอง แต่งตั้งทนายความมาร่วมในกระบวนพิจารณาของศาล ไม่ปรากฏว่า การปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินคดีของศาลแต่อย่างใด
พยานหลักฐานที่ปรากฏจึงไม่มีเหตุพอที่จะยกขึ้นอ้างมิให้ปล่อยชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 7 โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้มาศาลตามนัด หากผิดสัญญาให้ปรับคนละ 200,000 บาท
แน่นอนว่า หลังจากศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ย่อมทำให้มีความยินดี โดยเฉพาะพ่อแม่คนในครอบครัวของพวกเขา และที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสองคน มีท่าทีที่แสดงความเชื่อมั่นต่อศาล ต่อกระบนการยุติธรรม และที่น่าสังเกตไปกว่านั้นก็คือ หลังจากจำเลยทั้งคู่ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมา “อายัดตัว” ในคดีอื่นๆ แต่อย่างใด ทำให้เวลานี้ทั้งคู่ถูกปล่อยพ้นเรือนจำแล้ว ท่ามกลางเสียงยินดีปรีดา และไม่มีการ “ยืนนิ่ง 112 นาที”เพื่อปล่อยเพื่อเราแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งเชื่อว่า คงยัง “งงงวย สับสน” ไปไหนไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ สำหรับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่เลือกใช้วิธีการ “อดอาหาร” ประท้วงศาล หรือจะเรียกว่า “กดดันศาล” ก็ได้ เพื่อให้ได้รับการประกันตัว โดยล่าสุดสำหรับ นายพริษฐ์ ยังไปไกลถึงขั้นประกาศต่อหน้าบัลลังก์ศาล ว่า “ไม่ขอยอมรับกระบวนการยุติธรรม”ตราบใดที่เขาไม่ได้รับการประกันตัว โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากศาล ยังไม่มีการตัดสินความผิด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ได้รับการประกันตัวไปรายแรก คือ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” จำเลยในคดีเดียวกัน หลังมีการยืนยันต่อศาลว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมชุมนุมเคลื่อนไหว รวมไปถึงจะไม่เคลื่อนไหวพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสียหาย รวมไปถึงยืนยันหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วจะออกไปประกอบสัมมาอาชีพต่อไป ซึ่งทำให้เขาได้รับการประกันตัวก่อนใคร ทั้งที่มีการยื่นเงื่อนไขต่อศาล พร้อมๆ กับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แต่สองคนหลังยังเหมือนกับยังลังเล ยังไม่ลงนามรับรองในเอกสารคำให้การ ศาลจึงยกคำร้อง
เอาเป็นว่าหากมาโฟกัสกันที่ สองจำเลย คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่เลือกใช้วิธีอดอาหาร ในแบบที่ยังดื่มน้ำ ดื่มนม ดื่มเกลือแร่ มานานเดือนกว่าแล้ว เพื่อกดดันศาลให้ประกันตัว ยังเดินหน้าต่อไปและกำลังถูกจับตามองว่า จะได้ผลหรือไม่ หรือเป็นเพียงวิธีการที่เรียกว่า “ปิ้งปลาประชดแมว” เสียเวลาเปล่า
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากัน ก็คือ การที่จำเลยในคดีเดียวกันได้รับการประกันตัวออกไปในเวลาไล่เลี่ยกันถึง “สามคน”ดังกล่าวแล้ว เพียงมีเงื่อนไข “ไม่กระทำซ้ำ” นั่นคือ ไม่เคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวในลักษณะเดิม พวกเขาก็สามารถออกมาข้างนอก สามารถต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเต็มที่ ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
ขณะที่จำเลยที่เหลือ ทั้ง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นายอานนท์ นำภา รวมไปถึง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” ที่ระยะหลังเหมือนกับ “ออกนอกวงโคจร” ไปเลย เพราะไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีข่าวคราวใดๆ ออกมาให้ได้ยิน หรืออาจเป็นเพราะ “ไม่ใช่ตัวหลัก” ที่ถูกนำมาเชิดเหมือนกับรายอื่นๆ แต่สำหรับสองคนแรก คือ “เพนกวิน” กับ “รุ้ง” เมื่อได้เห็น “ไผ่” และสมยศ ได้รับการปล่อยตัว ขณะที่ตัวเองยังเดินหน้าหัวชนกำแพง “ถลำลึก” มองไม่เห็นอนาคต
ที่สำคัญ ยังเสี่ยงตายจากภาวะโรคระบาดข้างในอีกด้วย แม้จะระวังเข้มงวดแค่ไหน แต่ถือว่าอันตรายรอบด้าน !!