“ประยุทธ์” กำชับเหล่าทัพช่วย ปชช.ฝ่าวิกฤตโควิด หนุน สธ.คุมการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ขอบคุณกำลังพลร่วมกันทำงาน สั่งเตรียมรถพยาบาลทหารสแตนด์บายขนย้ายผู้ป่วย กทม.- ปริมณฑล รวม 47 คัน สั่ง รพ.ทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วย หลังไอซียูเหลือน้อย
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบเป็นนโยบายให้กับหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องภารกิจการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
โดยเน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กองทัพเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในหลายภารกิจ ขณะเดียวกัน ขอให้ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย และยังคงต้องเตรียมกำลังให้พร้อม โดยเฉพาะการฝึกในระดับต่างๆ เพื่อให้พร้อมใช้กำลังตอบสนองในทุกภารกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ต้องมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม ขณะเดียวกัน ให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาล ในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของชาติ โดยให้น้ำหนักกับการควบคุมโรคและการช่วยเหลือประชาชนฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปด้วยกัน
พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรื่องการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำถึงปัญหาโรคระบาดจากโควิด-19 ปัจจุบัน ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่กองทัพต้องนำศักยภาพและความพร้อมที่มีอยู่ เข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและทุกส่วนราชการ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้ประชาชนมีความปลอดภัยและใช้ชีวิตตามมาตรการควบคุมที่กำหนด ในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินปัจจุบัน การระดมพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติไปพร้อมกันตามความเร่งด่วนมีความสำคัญยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความขอบคุณการทำงานของทุกเหล่าทัพและตำรวจที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุน ศบค.ดูแลความมั่นคง โดย ศปม.ต่อเนื่องที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนดูแลประชาชนดังต่อไปนี้ การคัดกรองคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ผ่านสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ การเตรียมการรองรับคนไทยจำนวนมาก ที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซีย การเตรียมอพยพคนไทยเดินทางกลับจากเมียนมา หากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น การสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ รองรับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนมาก การขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลทหาร ให้รองรับผู้ป่วยระดับแดงและเหลือง การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข การบริหารจัดการรถ เพื่อรับและส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา การช่วยกวดขันมาตรการควบคุมตามที่รัฐกำหนด ในกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง และการบริหารจัดการวัคซีนให้กับกำลังทหารและตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาด ยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนในปัจจุบัน
โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวถึงการจัดเตรียมรถทหารเพื่อสนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ว่า กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมรถพยาบาลทหารไว้ จำนวน 26 คัน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อนำส่งโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมรถพยาบาลทหารเพิ่มเติมพร้อมปฏิบัติการอีก จำนวน 21 คัน รวมทั้งหมด 47 คัน ในส่วนที่ศบค.มีข้อกังวลห้องไอซียูที่เหลือเตียงเพียง 69 เตียงนั้น วันนี้ พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหม ให้โรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยในระดับ 1 และ ระดับ 2 ที่แสดงอาการในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ