ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตอกโฆษกเพื่อไทยอาศัยช่วงวิกฤตเขย่าขวัญประชาชนไปวันๆ ยันรัฐร่วม รพ.ทุกสังกัดแก้ไขปัญหาเตียง-รับส่งผู้ป่วยได้เร็วขึ้น แจงผลงานล่าสุดจัดหาวัคซีนเพิ่ม 35 ล้านโดส เผย “บิ๊กป้อม” กำชับ ส.ส.-อดีตผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยประชาชนเดือดร้อน
วันนี้ (21 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดว่า ขณะนี้รัฐบาลได้บริหารจัดการเตียงสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้เพียงพอสำหรับผู้ติดเชื้อจากโรงพยาบาลทุกสังกัด 9 พันกว่าเตียง โดยทุกโรงพยาบาลได้สำรองเตียงไว้สำหรับเตียงไอซียูเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการมากขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้โรงพยาบาลเอกชนมีระบบทางด่วนอนุมัติขยายเตียงได้คล่องตัวขึ้น และกำหนดให้คลินิกที่ตรวจหาเชื้อโควิดต้องประสานและจัดหาเตียงให้ทันทีเมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องหาสถานพยาบาลเองเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ขณะที่ กทม.ได้ขยายโรงพยาบาลสนาม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้เพิ่มจำนวนรถรับส่งผู้ติดเชื้อด้วย โดยผู้ติดเชื้อสามารถสอบถามเรื่องเตียงได้จากแอปพลิเคชันไลน์ @sabaideebot และสายด่วน 1330, 1668 และ 1669
น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ทั้งนี้ ยังมีข่าวดีสำหรับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ข้อสรุปจากการประชุมคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่มีนายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ถึงมติให้จัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติมจำนวนประมาณ 35 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับที่รัฐบาลได้ดำเนินการจัดหาไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโดสจะทำให้รวมมีวัคซีนเกือบ 100 ล้านโดสเพื่อฉีดให้คนไทยภายในสิ้นปีนี้ โดยในจำนวนนี้ภาคเอกชนนำโดยสภาหอการค้าไทยจะช่วยรัฐบาลจัดหาให้แก่พนักงานลูกจ้างประมาณ 10-15 ล้านโดส ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากการสำรวจความต้องการของสถานประกอบการในการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้นำผลมาร่วมวางแผนจัดหาวัคซีนกับภาครัฐ จะเห็นได้ว่าคณะทำงานดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรอบคอบ ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ตนเชื่อมั่นว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนตามแผนของรัฐบาลได้ในสิ้นปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินนโยบายด้วยการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งผู้เชี่ยวชาญและประชาชนเพื่อการควบคุมโรค และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน และเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนและจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พบว่ามีความพึงพอใจในผลงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล โดยเฉพาะการไม่ประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ซึ่งจะส่งผลกระทบในหลายระดับ ประชาชนจึงสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อรายได้โดยทำตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
น.ส.ทิพานันกล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังกำชับให้ ส.ส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ให้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ เร่งประสานงานให้ความช่วยเหลือและให้ข้อมูลอย่างถูกต้องแก่พี่น้องประชาชน โดยปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันในยามวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร่วมจัดหาวัคซีนและการสนับสนุนด้านต่างๆ ของโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ด้วยภาคเอกชนมีศักยภาพและความคล่องตัวสูง
“ในขณะที่ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันคลี่คลายวิกฤต น่าผิดหวังบทบาทของโฆษกพรรคเพื่อไทยและนักการเมืองฝ่ายค้านหลายคน จึงอยากฝากว่า หากไม่สามารถเข้ามาสนับสนุนด้านใดได้ ก็ขอให้ช่วยกันสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องไปสู่พี่น้องประชาชน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา หรือไม่ก็อยู่เฉยๆ ไม่ใช่อาศัยช่วงวิกฤตแบบชุลมุนเขย่าขวัญประชาชนไปวันๆ” น.ส.ทิพานันกล่าว