นายกฯ เรียก ผบ.สูงสุด เข้าทำเนียบหารือ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน สกัดโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่-ลับลอบเข้าเมืองผิด กม.ขณะที่กลาโหม ยัน กองทัพพร้อมสนับสนุนตั้ง รพ.สนาม ตั้งเป้า 5,000 เตียงทั่วประเทศ รับผู้ป่วย โควิด 19
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 8.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ โดยได้เชิญพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หรือ ศปส. ศปม. เข้าพบเพื่อรายงานความคืบหน้าการตั้งโรงพยาบาลสนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข รองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด19 และ การดูแลความมั่นคงในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัดและ พื้นที่ควบคุม59 จังหวัด หลัง ศบค.ยกระดับการควบคุมสถาณการณ์ และ มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงรายงานถึงสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก ที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา และ ชายแดนฝั่งตะวันออกที่ติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งต้องคุมคัดกรองเข้ม และเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะขณะนี้ฝั่งชายแดนกัมพูชา ทางสาธารณสุขรายงานว่า พบเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ อังกฤษ ระบาดในพื้นที่นั้น จึงต้องเพิ่มความเข้ม คัดกรองโรคเป็นพิเศษ
ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้กองทัพ ประสานงานกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงสาธารณสุข คงความเข้มงวด ตามแนวชายแดน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพื้นที่ ได้มีการตั้งด่านคัดกรอง เพื่อขัดขวางขบวนการ ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎกมาย ซึ่ง ศปม. ที่มีกอบบัญชาการกองทัพไทย ดูแลอยู่จะทพหน้าที่เป็นจุดประสานงานกลาง กับกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก ในการบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามทั้งหมดของกองทัพ โดยขณะนี้โรงพยาบาลสนามทั้งหมด เมื่อสาธารณสุขเข้าตรวจสอบ และผ่านมาตรฐานแล้ว ก็จะส่งมอบให้สาธารณสุขรับไปดูแลต่อ ซึ่งขณะนี้ ในส่วนโรงพยาบาลสนาม ของกองทัพ เบื้องต้น มีทั้งหมด 3,000 เตียง และตั้งเป้า ให้มีถึง 5,000 เตียง อย่างเช่นพื้นที่เกียกกาย ก็สามารถรองรับผู้ป่วย ที่มีอาการไม่รุนแรง ต่อจาก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ขณะเดียวกัน กองทัพทั่วประเทศ ได้เตรียมความพร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามเอาไว้แล้วเช่นกัน และพร้อมสนับสนุนเตียง อุปกรณ์อื่นๆทันที ตามที่กระทรวงสาธารณสุขขอรับการสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาล ในสังกัดของกองทัพ ทุกแห่ง ยังคงรับการรักษาผู้ป่วยทั่วไป ตามปกติ แต่ก็ได้เตรียมความพร้อมไว้รักษา ผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 และ รักษาเจ้าหน้าที่ ที่ป่วยจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย