xs
xsm
sm
md
lg

ส.ส.ก้าวไกล อ้างชาวบ้านร้องเตียงเต็ม ข้องใจความพร้อมรัฐ จี้ปรับอาการโควิดหนักถึงไป รพ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล (แฟ้มภาพ)
“ณัฐชา” ถาม รบ.เตียงพอหรือไม่ หลังอ้างชาวบ้านติดโควิดร้องไม่มีโรงพยาบาลรับรักษาเหตุ “เตียงเต็ม” ข้องใจได้เตรียมความพร้อมสถานการณ์หรือไม่ จี้เปลี่ยนนโยบายอาการหนักค่อยไป รพ.

เมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านบางขุนเทียน หมู่บ้านพิศาล 16 จำนวน 5 คน ว่า ผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก โดยได้รับการตรวจจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 เมษายน 64 แต่ทางโรงพยาบาลกลับปฏิเสธการรักษาและให้กลับบ้าน ตอนนี้เวลาผ่านมา 3 วันแล้ว พยายามติดต่อที่ไหนก็แจ้งแต่ว่า “เตียงเต็ม” ซึ่งผู้ป่วย 4 ใน 5 คน เป็น “ผู้ป่วยที่มีอาการ” โดยในบ้านอยู่กันทั้งหมด 7 คน และมี 2 รายที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติแล้วจะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล สิ่งที่อันตรายที่สุดของโควิด คือ การที่มีผู้ติดเชื้อมาก มากจนเกินอัตรากำลังที่โรงพยาบาลจะรับได้ ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ถามว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการป้องกันภยันตรายนี้หรือ

“จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ชวนให้ตั้งคำถามเหลือเกินว่า ภาครัฐไม่ได้เตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอ สถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้นไม่ได้เกินความคาดหมายของแพทย์และนักวิชาการแต่อย่างใด เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าโควิดในระลอก 2 นั้นยังไม่จบ และจะต้องมาอีกเป็นระลอกที่ 3 แน่ๆ และคลื่นลูกที่ 3 นี้จะใหญ่กว่าเดิม แต่การจัดสรรทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรเตียง รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ กลับไม่ได้เตรียมความให้พร้อมเลย ทำเสมือนว่าเพิ่งจะมาเริ่มเตรียมเริ่มทำเอาตอนที่ระบาดระลอก 3 นี้” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรมาคุยอย่างจริงจังว่าจะเปลี่ยนนโยบายในการรับผู้ป่วยโควิด จากแต่เดิมคือ ถ้าติดเชื้อโควิดห้ามกักตัวที่บ้าน ให้ไปโรงพยาบาลเท่านั้น เป็นติดเชื้อโควิดให้กักตัวที่บ้าน ถ้าอาการหนักค่อยมาโรงพยาบาล เพื่อให้ทรัพยากรระบบสาธารณสุขมีเพียงพอจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้ ผู้ที่มีอาการจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้เลย เพราะผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้แม้ไม่มีอาการก็ต้องไปกักตัวที่โรงพยาบาลทั้งหมดจนเตียงเต็มหมดแล้ว จึงอยากขอความชัดเจนจากรัฐบาลในประเด็นดังกล่าวด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น