xs
xsm
sm
md
lg

“สุพัฒนพงษ์” รับโควิดระบาดดึงจีดีพีไม่ตามเป้า กระตุ้น ศก.เพิ่ม ไม่ล้มแผนเปิดประเทศ-ดูรายวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน (แฟ้มภาพ)
รองนายกฯ และ รมว.พลังาน รับโควิดระบาดดึงจีดีพีประเทศไม่เป็นไปตามเป้าร้อยละ 4 ชี้แผนเปิดประเทศสถานการณ์รายวัน แต่ไม่ล้มแผน เล็งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่ม

วันนี้ (16 เม.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ขณะนี้การส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รัฐบาลจะต้องกลับไปดูในเรื่องการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในประเทศว่าจะกระตุ้นอย่างไร เช่น การนำเงินฝากของประชาชนเมื่อปีที่แล้วให้ออกมาจับจ่าย

นอกจากนี้ การประชุม ศบค.ในบ่ายวันเดียวกันนี้จะต้องเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องดูแลควบคุมการระบาดไม่ให้ประชาชนกังวล แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสถานการณ์ดีขึ้น เพราะทุกคนปรับตัว และมีตัวอย่างผู้ติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรสาครมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลได้ดูแลและบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี และในขณะนี้ทุกคนต่างตระหนักรู้ เมื่อมีความกังวลว่าติดเชื้อก็เข้าสู่การตรวจหาเชื้อทำให้พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติการเชิงรุกของตนเองรับผิดชอบต่อสังคม โดยที่รัฐบาลไม่ต้องสั่ง ส่วนตัวมองเป็นเรื่องที่ดี เมื่อพบเชื้อก็เข้าสู่การรักษาซึ่งขณะนี้ระบบการรักษาในประเทศไทยมีเพียงรออยู่แล้ว

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการของ ศบค.ที่จะออกมาในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ประเทศ เพราะประสบการณ์จากจังหวัดสมุทรสาครที่มียอดผู้ติดเชื้อสูง แต่ก็สามารถบริหารจัดการผ่านมาได้ แต่ข้อสำคัญคือทุกคนต้องเว้นระยะห่าง รักมากยิ่งต้องห่างมาก และยิ่งต้องตรวจเชื้อตามกำหนดเวลา

เมื่อถามว่าแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขเสนอใช้มาตรการที่เข้มข้มเพื่อหยุดการแพร่เชื้อ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า คงต้องรอที่ประชุม ศบค. ส่วนตัวเท่าที่ติดตามข่าวมองว่าไม่ได้เข้มข้นตามที่นำเสนอ แต่อาจจะมีเข้มข้นบ้างในบางจุดก็ต้องดูในจุดนั้น คงไม่ถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ประเทศเช่นเดือนเมษายนปีที่แล้ว

เมื่อถามถึงแผนการเปิดประเทศในวันที่ 1 ก.ค.นี้จะส่งผลกระทบหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์รายวัน แต่แผนไม่ได้หยุด ทุกคนยังเดินหน้าทำงานเช่นเดิม โดยเฉพาะการปฏิบัติการเชิงรุกดึงดูดนักลงทุนที่จะต้องทำ เพราะการระบาดโควิด-19 เกิดขึ้นทั่วโลก และเท่าที่ทราบภาคธุรกิจกังวลเรื่องของความมั่นใจในการควบคุมทั้งสถิติผู้ติดเชื้อ และผู้หายจากการติดเชื้อซึ่งจะเป็นจุดตัดสินใจของภาคธุรกิจว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร ซึ่งการเดินหน้าเศรษฐกิจของรัฐบาลต้องควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคซึ่งจะทำงานอย่างเต็มที่ทั้ง 2 ทาง และขณะนี้ได้มีพระราชกำหนดออกมาช่วยเหลือภาคธุรกิจในการชำระหนี้แล้ว โดยมาถูกเวลา แต่ถ้าหากช้ากว่านี้ก็จะไม่เหมาะสม พร้อมยอมรับว่าการระบาดโควิดในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขจีดีพีของไทยที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 4 อาจจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ก็จะต้องกัดฟันสู้ พยายามหาโอกาส แม้จะเป็นรูที่เล็กแต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อทุกคนในประเทศ อย่างไรก็ตาม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยังคงเดินหน้าต่อและยังคงมีโคงการดีๆ ยังรออยู่ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่และคนไทยทุกคน


กำลังโหลดความคิดเห็น