เปิดโลโก้พรรคพลัง เคาะวันประชุมใหญ่สามัญ 9 พ.ค. เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค อุบชื่อหัวหน้าพรรค ยืนยันไม่ใช่พรรคสำรองเพื่อไทย ทาบอดีตขุนคลังมือเศรษฐกิจเข้าร่วมงาน
วันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคพลัง ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชุมประจำทุกเดือน ครั้งที่ 4/2564 วันที่ 6 เมษายน 2564 ที่ผ่านมาโดยคณะกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ คือ ประธานที่ประชุมแจ้งผลมติคณะกรรมการธง สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อนุญาตให้ใช้แถบสีธงชาติไทยในสัญลักษณ์โลโก้พรรคพลังในอักษร พ.พาน นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งโลโก้พรรคใหม่จะเป็นรูปอักษรไทย พ.พาน ชูกำปั้น หมายถึงเป็นการรวมพลังของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทุกกลุ่ม ทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัย ถือว่าสัญลักษณ์โลโก้พรรคใหม่ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ทั้งนี้ ในการประชุมพรรคพลังได้กำหนดวันประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2564 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ได้แก่ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ ซึ่งได้วางตัวประธานยุทธศาสตร์พรรค รองหัวหน้าพรรค ประธานยุทธศาสตร์ภาคและหัวหน้าโซนครบทุกภาค โดยวางโครงสร้างพรรคขนาดใหญ่ มีคณะกรรมการบริหาร จำนวน 36 ท่านที่น่าสนใจ เคาะกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญ วันที่ 9 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00-16.30 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี กรุงเทพมหานคร
รายงานข่าวยืนยันว่า ภาคเช้ามีไฮไลต์สำคัญทาบอดีตขุนคลัง มือเศรษฐกิจ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปาฐกถาทางด้านเศรษฐกิจมหภาค หัวข้อ “เศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจโลกในยุคโควิด 2019” และขุนคลังตอบรับยืนยันร่วมงานแล้ว ส่วนภาคบ่าย ประชุมพิจารณารับรองข้อบังคับพรรคและสัญลักษณ์โลโก้พรรคพลัง (ใหม่) รวมทั้งเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ให้ติดตามลุ้นว่าหัวหน้าพรรคเป็นใคร ยังไม่อาจเปิดเผยรายชื่อ ขออุบไว้ก่อน เปิดเผยได้แต่เพียงว่าคนหนุ่ม ไฟแรง มือกฎหมาย เป็นเนติบัณฑิต จบปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชนและปริญญาเอกทางการเมือง ผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง วัย 40 ปีกว่าๆ เก่ง มีความรู้ ความสามารถ ครบเครื่อง จัดเจนในสนามการเมือง ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองระดับชาติและผ่านการทำงานการเมืองระดับเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีฯหลายกระทรวงและผ่านงานกรรมาธิการหลายคณะ เป็นข้าราชการระดับสูง มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร เพราะยังไม่ลาออกจากราชการ ได้ทาบเชิญแล้วอยู่ระหว่างรอตัดสินใจ ส่วนคณะกรรมการบริหารมาจากหลายภาคส่วน ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 800 คน โดยทาบเชิญนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และอดีต ส.ส.เพื่อไทยมานั่งตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ส่วนประธานยุทธศาสตร์พรรค เปิดตัวรับรองว่าประชาชนให้การยอมรับอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังได้เปิดตัวครั้งแรกวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น วิภาวดี แจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อพรรค ชื่อย่อและสัญลักษณ์พรรคพลังตาม พก.7/2 เลขที่ 5/2564 ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังเคาะวันประชุมใหญ่สามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 แหล่งข่าว พรรคพลัง เป็นที่น่าจับตามอง เป็นพรรคการเมืองที่เปิดตัวใหม่ ผู้บริหารพรรคล้วนแต่มีประสบการณ์ทางการเมือง ต้องคิดตามว่า พรรคพลังจะคว้าที่นั่ง ได้กี่ที่นั่ง แจ้งเกิดในสนามการเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้าได้หรือไม่อย่างไร ที่ผ่านมา (วันที่ 5 เมษายน 2564) นายอุดมเกียรติ ปานมี รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนางผุสดี กลิ่นทอง นายทะเบียนพรรคพลังได้ยื่นหนังสือต่อ น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผอ.สำนักงาน กกต.กรุงเทพมหานครเพื่อแจ้งให้ไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคในวันประชุมใหญ่สามัญและขอใช้เครื่องมือลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ยุทธศาสตร์พรรคพลังใช้ทฤษฎีป่าล้อมเมือง โดยคณะผู้บริหารได้ประชุมสัมมนาสัญจรระดับภาคและเปิดตัวแกนนำทั่วประเทศเพื่อวางตัวสู้ศึกเลือกตั้ง 350 เขตเลือกตั้ง สถานการณ์บ้านเมืองอาจมีการยุบสภาเร็วขึ้น จะต้องรีบจดจัดตั้งพรรคและตั้งสาขาพรรคระดับภาค ตัวแทนประจำจังหวัด ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้ง และสรรหาว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อจัดทำไพรมารีโหวตทุกเขตเลือกตั้งและรับสมัครสมาชิกพรรคพลัง จากการตรวจสอบแหล่งข่าวเปิดเผยว่า แม้คณะกรรมการบริหารพรรคพลังบางท่าน จะเคยสังกัดพรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองอื่นๆ หรือเคยร่วมทำกิจกรรมเสื้อแดงมาก่อน แต่ยืนยันว่า ในการจัดตั้งพรรคพลัง ไม่เป็นพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองอื่นใด และไม่ใช่พรรคของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มสีเสื้อใด ไม่เป็นพรรคนอมินีของใคร แต่เป็นพรรคของประชาชน อิสระ คณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 36 ท่าน ผู้ร่วมอุดมการณ์ล้วนมาจากผู้มีความรู้ความสามารถ บุคคลหลากหลายสาขาอาชีพ ทุกกลุ่ม ทุกวัยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ผสมผสานคนที่มีประสบการณ์มารวมตัวกัน ไม่มีสีเสื้อ เจตจำนงตั้งพรรคการเมืองมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำงานให้แก่บ้านเมืองและเป็นพรรคกระแสหลักอาสามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ตามนโยบาย “เท่าเทียม ทั่วถึง ทันที” และสโลแกนว่า “พรรคพลัง หัวใจ คือ โอกาสของประชาชน”
น.ส.อัญชิสา เทพทับทิมทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันโรคระบาดโควิด 2019 ระบาดรอบที่ 3 เกิดจากแหล่งอบายมุข เล้าน์จ คลับ แหล่งมั่วสุม ทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้กระทบต่อธุรกิจทุกหย่อมหญ้า ติดคนรวย แต่ซวยคนจน เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชน การ์ดอย่าตกในช่วงประเพณีวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย ขอให้พี่น้องประชาชนเดินทางปลอดภัยและท่องเที่ยวในวันหยุดยาวกับครอบครัวอย่างมีความสุข ไร้โควิดทุกคน