“สุพัฒนพงษ์” ย้ำไม่ได้เที่ยวทองหล่อ เลิกงานกลับบ้านเลี้ยงหลาน “คริสตัลคลับ” คือที่ไหน ถามหาตัวปล่อยข่าว โอดโชว์ผลตรวจแล้วไม่ติดเชื้อแต่ไม่มีใครเชื่อ หวั่นกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ
วันนี้ (7 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวที่ว่าเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อ “Krystral Club Thonglor 25” ย่านทองหล่อ คลัสเตอร์การแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ว่า คริสตัลคลับคือที่ไหนหรือ ตนไม่เคยไป ช่วยบอกว่าสื่อใดที่นำเสนอข่าวเป็นที่แรก และแหล่งข่าวมาจากที่ไหน เพราะตนอยากจะตอบ ไม่ต้องบอกแหล่งข่าวว่าเป็นใครก็ได้ แต่ถ้าไม่แสดงตัวก็จะสร้างความเดือดร้อน เพราะเราทำงานการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง เมื่อมีข่าวออกไปซึ่งมีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้ต้องพาทีมงานของตนทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 จึงเป็นที่น่าเสียดาย
เมื่อถามว่าถ้ารู้ตัวคนปล่อยข่าวออกมาจะดำเนินการอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็อยากจะรู้ว่าเขาคิดอะไร เจตนาคืออะไร จินตนาการคืออะไร ถ้าเป็นเพราะความเข้าใจผิดหรือความเลินเล่อ ก็ไม่ว่าอะไร เพราะตนไม่มีเจตนาทำร้ายใคร แต่อยากให้เห็นว่าทุกคนมีหน้าที่ สิทธิ สื่อมวลชนก็มีสิทธิให้ข้อมูลข้อเท็จจริงตามหน้าที่ที่ได้เล่าเรียน แต่ก็ต้องมีหน้าที่ตรวจสอบความน่าจะเป็นด้วยก่อนที่จะเผยแพร่ข่าว การเร่งเพื่อนำเสนอข่าวเพื่อให้ตัวเองโดดเด่น อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อข้อมูลที่ผิดพลาด และก่อเกิดผลเสียอันไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจที่ผิดปกติก็ยิ่งต้องรักษาไว้มากๆ อยากให้ไว้เป็นข้อคิด เพราะทุกคนมีส่วนร่วมที่จะนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดีและเข้มแข็ง ตนมีหน้าที่ของตน สื่อมีหน้าที่ของสื่อด้วยเช่นกัน วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นทั่วโลก จึงจำเป็นที่ต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งสิ้น ซึ่งตอนนี้การเติบโตและฟื้นฟูเศรษฐกิจกำลังไปด้วยดี
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า การที่สื่อวิเคราะห์ว่าค่าเงินบาทอ่อนแล้วจะทำให้เศรษฐกิจขาดความน่าเชื่อถือ แต่พอค่าเงินบาทแข็งก็วิเคราะห์ว่าจะกระทบกับการส่งออก วิธีคิดเช่นนี้ก็ต้องมานั่งคุยกันใหม่ว่าอยากเห็นอะไรกันแน่ หรือกรณีที่ระบุว่าดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลในรอบ 6 ปี ก็ขอชี้แจงว่าการติดลบนั้นเป็นเพราะการผลิตมีมากขึ้น สินค้าที่เป็นวัตถุดิบก็ถูกนำเข้ามามากขึ้น ทำให้มีการผลิตสูงและการจ้างงานมั่นคงมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวการลงทุนของภาคเอกชน นี่จึงเป็นประโยชน์กับประเทศในยามวิกฤตนี้ เป็นสิ่งที่นายกฯ อยากเห็นฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เหมือนรวมไทยสร้างชาติ ประเทศไทยมีโอกาสที่จะดีขึ้น วันนี้ตนจะนำหลายเรื่องไปเสนอต่อที่ประชุม ครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่าสไตล์ของตัวนายสุพัฒนพงษ์เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ของตนง่ายมาก ทำงานอย่างเดียว ออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง และอยู่กับครอบครัวและหลาน
เมื่อถามต่อว่าครอบครัวได้สอบถามหรือไม่ว่าได้ไปสถานบันเทิงตามที่มีข่าวออกมาจริงหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะวันที่ถูกอ้างผมไปเที่ยวนั้น ที่จริงผมกลับบ้าน เจอภรรยาผม แต่ก็บอกลูกทีมว่าให้ไปบอกเขาว่าเราไม่ได้ไป แต่ก็ไม่มีฟีดแบ็กกลับมา แต่อีก 2-3 วัน กลับมีคนบอกว่าไม่มีใครเชื่อ เพราะเขาไปมั่นใจในแหล่งข่าว ผมอยากเจอจังเลยว่าแหล่งข่าวคนนั้นเป็นใคร ครอบครัวไม่มีใคร เพราะมั่นใจ ผมยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่เคยไปที่นั่น ผมก็อยากรู้ว่าสื่อมีข้อมูลอะไร ถ้าไม่มีข้อมูล ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปยืนยันอะไร”
เมื่อถามว่าคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมา หวังจะเลื่อยขาเก้าอี้ของนายสุพัฒนพงษ์หรือไม่ เพราะมีคนอยากได้ตำแหน่งรมว.พลังงาน นายสุพัฒนพงษ์หัวเราะแล้วกล่าวว่า “คงไม่มีหรอก ท่านไปคิดกันเอง ผมก็ทำงานของผมต่อไป เรื่องนี้ทีมงานของผมก็รู้สึกไม่ดี เพราะเกิดเรื่องขณะที่กำลังเดินทางไปตรวจราชการในภาคอีสาน และแปลกใจที่ผมบอกว่าไม่ได้ไป แต่ไม่มีใครเชื่อ กระแสดูเหมือนผมเป็นอาเสี่ยมากเลย อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมคิดว่าผมจะไปที่นั่น เพราะผมยังคิดไม่ออก ดูแล้วไม่น่าใช่”
ต่อข้อถามว่านายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไม่เคย คุยแต่เรื่องที่ตนจะมาชี้แจง ครม.เท่านั้น ตนต้องพิสูจน์อะไรอีกจึงจะเชื่อ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงสื่อมวลชนที่ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับตนเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงคนที่ได้มาพบตนด้วย จึงตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อโควิด เมื่อผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อ แต่สื่อมวลชนกลับติดใจว่าตนไปเที่ยวจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นการมองมิติเรื่องส่วนตัว มากกว่ามองเรื่องของประเทศ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ได้ไป และเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา มีข่าวว่าตนจะไม่ไปร่วมงานมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง แต่เมื่อตนไปถึงงานนี้ และจะรอชี้แจงกับสื่อมวลชน ก็เจอสื่อมวลชนคนไหนเลย
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบนี้มีความรุนแรงมากกว่า 2 รอบแรก รัฐบาลมีเงินเพียงพอรับมือกับวิกฤตนี้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า มีเงินเพียงพอแน่นอน เรื่องนี้อย่าลืมว่าเป็นเรื่องของคนไทยที่มีสิทธิที่อยู่อย่างมีความผาสุกภายใต้กรอบกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องป้องกันตัวเอง แม้ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ยอดผู้ที่รักษาหายมีมากขึ้น เศรษฐกิจยังไม่หยุดร้อยเปอร์เซ็นต์ จะโกรธใครหรือไม่รักใคร ก็ขอให้ลืมตรงนี้ไปก่อน เอาประเทศมาก่อน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และตนอยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อที่จะได้เห็นว่าประเทศไทยอยู่อย่างมีความสุข บ้านเมืองเราดีอย่างไร
ต่อข้อถามว่านายสุพัฒนพงษ์จะรับการฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ตนจะรับการฉีดวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรกในวันที่ 9 เมษายนนี้ ที่โรงพยาบาลรัฐ โดยก่อนหน้านี้ตนได้หยุดยาประจำตัว เพราะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน แต่แพทย์ที่รักษาประจำตัวยืนยันว่าฉีดวัคซีนนี้ได้