“ประยุทธ์” เป็น ปธ.ส่งมอบบ้านเช่าเคหะสุขประชาฉลองกรุง-ร่มเกล้า ย้ำนโยบายคนไทยทุกคนต้องมีบ้านอยู่ ลั่นไม่ได้ยึดครองอำนาจไปจนตาย ยันทำให้ดีที่สุดจนกว่าหมดหน้าที่ พ้อหลายเรื่องวุ่นวายโดยใช่เหตุ ซ้ำเติมบ้านเมืองที่กำลังมีปัญหามะรุมมะตุ้ม
วันนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่เขตหนองจอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” (ฉลองกรุง และร่มเกล้า) พร้อมมอบสิทธิบ้านเช่าในโครงการให้กับกลุ่มเปราะบางที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้เกี่ยวข้องร่วมพิธี โดยโครงการดังกล่าวมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 573 หน่วย อัตราค่าเช่าเริ่มต้นที่ 1,500-3,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยผู้สูงอายุผู้พิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ รวมถึงผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ ภายในโครงการจะมีพื้นที่เศรษฐกิจสุขประชาเพื่อส่งเสริมอาชีพอิสระในชุมชนให้แก่ผู้พักอาศัยไม่มีงานให้มีงานและมีรายได้อีกด้วย
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ได้ทำสองที่มีความมสุข เมื่อเช้าได้พบปะกับผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เลือกตั้งเข้ามาใหม่ โดยได้ย้ำให้ดำเนินนโยบายรัฐบาลรวมไทยสร้างชาติ ทุกคนทราบดีเรามีปัญหาต่างๆ มากมาย ยืนยันว่าในฐานะนายกฯ จะดำเนินการทุกอย่างให้ได้โดยเร็วที่สุด ที่ผ่านมาตนได้กำหนดนโยบายสำคัญคนไทยทุกคนต้องมีบ้านและเป็นบ้านแห่งความสุข ตนดีใจที่เห็นความก้าวหน้าเห็นรอยยิ้มประชาชนก็ดีใจ ดังนั้น เรื่องใดไม่มีความสุขอย่าไปสนใจ แต่ขอให้ฟังในสิ่งที่มีความสุข สิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าโครงการเหล่านี้จะมีความมต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าต่อว่า ทั้งนี้บ้านเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เพราะทุกอย่างมาจากบ้าน ครอบครัว เริ่มจากครอบครัวอบอุ่นมีความรักความสามัคคี รุ่นสู่รุ่น เป็นสังคมคนไทยที่มีความรักความสามัคคี เคารพนับถือกัน สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครทำลายได้ วันนี้หลายเรื่องวุ่นวายโดยใช่เหตุ ในขณะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเยอแยะไปหมด ยืนยันรัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและไม่ทิ้งงานอะไรเลย วิสัยทัศน์ของตนจะนำประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนภายในระยะเวลา 5 ปี นี่คือยุทธศาสตร์ชาติ เป็นหลักเท่านั้นแต่ทั้งหมดทยอยทำ ถ้าไม่จบก็ต่อไปอีก ถ้าไม่มีตรงนี้ก็ไปต่อไม่ได้ ไม่ได้ให้ตนยึดครองอำนาจไปจนตาย จะครองไปทำไม แต่ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่เลือกตั้งเข้ามาแบบนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าจะทำให้คนไทยทุกคนในประเทศมีบ้านตลอดระยะเวลาที่ตนเองอยู่ และจะส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปถ้ายังไม่ครบ ไม่ว่ายากดีมีจนอย่างไรต้องมีบ้านที่มีคุณภาพ เพราะทุกอย่างเริ่มจากบ้าน ครอบครัว ชุมชน สังคม ไปเป็นประเทศ เราคือประเทศไทย คนไทยที่หากินและเกิดที่นี่ เราต้องไม่ให้ใครมาทำลายประเทศของเรา เรามีมาตรการทางสังคมอยู่แล้ว อีกทั้งเรามีหลักชัยของประเทศ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้นทำอย่างไรให้สงบเรียบร้อย ตนไม่บังคับใคร แต่ทุกคนต้องช่วยกัน
นายกฯ กล่าวว่า สมัยเด็กตนยังไม่มีเลยบ้านแบบนี้ วันนี้โอกาสที่มีบ้านอยู่อาศัย ประชาชนผู้มีรายได้น้อยค่อนข้างยาก รวมถึงข้าราชการก็เช่นกัน บางคนอยู่มาหลายสิบปีจนเกษียณยังไม่มีบ้านอยู่ ดังนั้นเราต้องดูแลให้ครอบคลุม นั่นคือยุทธศาสตร์ของเราในการเดินหน้าเพื่อความผาสุกของประชาชน วันนี้เห็นรอยยิ้มทุกคนก็ดีใจ ขอให้ยิ้มไว้ทุกอย่างจะตามมาอีก โดยตนจะเร่งรัดให้ แต่ทุกอย่างมีก้าวแรกเสมอ ถ้าไม่เดินยุทธศาสตร์ก็ไปไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตั้งใจว่าโครงการดังกล่าวนี้ภายใน 5 ปี ต้องทำให้ได้ 1 แสนหลังทั่วประเทศ โดยต้องการให้ทุกอย่างเร็วขึ้นใจ ตนใจร้อนกว่าทุกคน ถ้าจัดหางบประมาณได้จะทำให้ดีขึ้น ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้คนไทยทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยภายในปี 2579 อาจฟังเหมือนนาน แต่ทยอยเดินหน้าทุกปี วันนี้ขอให้คิดมีเหตุมีผล อย่าเชื่อเรื่องบิดเบือน ตนต้องการแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาให้เร็วที่สุด จึงมาเพื่อให้กำลังใจถือว่าวันนี้ เราสัญญากันว่าจะมีชีวิตที่ดีมีความสุข เราต้องมีความหวัง ศรัทธา และร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ ไม่แบ่งแยก ขัดแย้ง ความวุ่นวาย สับสนอลม่าน เป็นต้นตอทำให้เราแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้นความขัดแย้งต้องไม่เกิดขึ้นอีก ทั้งหมดคือไทย ประเทศไทย ไม่ว่ารัฐบาล นายกฯ หรือใคร เป็นคนไทยทั้งสิ้น เราคือครอบครัวประเทศ ตนเป็นครอบครัวของท่าน ไม่มีใครทำให้ประเทศไทยได้นอกจากคนไทยด้วยกัน ทุกปัญหาทนรับไว้หมด และจะพยายามแก้ไขให้ได้จนกว่าหมดหน้าที่ของตน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในช้วงท้ายด้วยว่า ประเทศไทยเดินหน้าโดยใครคนหนึ่งไม่ได้ ขอให้กำลังใจทุกคน และขอให้บ้านนี้จงมีแต่ความสุข วันนี้มีความสุขได้เจอหน้าเห็นรอยยิ้มพวกเรา ไม่เช่นนั้นเห็นแต่โทรทัศน์หน้าตาบึ้งตึงกันเหลือเกิน อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนั้นหรือ โกรธเกลียดกันตลอดเวลา