น่าฟัง “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ลากไส้ ม็อบ 4/4/4 สู้เพื่อใคร? เตือนลืมวันลงเวทีราชประสงค์แล้วหรือ? “เพจดัง” แฉแผนแยกกันเดิน “ตู่-เต้น” ชิงการนำมวลชน 3 นิ้ว “แรมโบ้อีสาน” ชำแหละ รับ “ใบสั่ง” เตือน “ปชช.” อย่าตกหลุมพราง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(4 เม.ย.64) เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ขาเก่าทั้งนั้น
วันนี้อดีตแกนนำ นปช. จะออกนำคนเสื้อแดงมาไล่ลุงตู่ เชื่อว่าทำได้เหมือนคราวพฤษภา 35
ไม่เชื่อผลโพลที่ประชาชนบอกว่า พอใจลุงตู่ ไม่ฟังแกนนำเสื้อแดงภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเหนือ อีสาน และกลาง ที่บอกว่าจะไม่เข้าร่วมสังฆกรรมด้วย
นายใหญ่คงเห็นม็อบสามนิ้วฝ่อ
เสื้อแดงได้เวลาต้องออกตัวแล้ว หลังแอบหนุนช่วยสามนิ้วมาพักใหญ่ รวมทั้งบรรดาคนเดือนตุลา อดีตคอมเข้าป่า ลูกน้องเก่านายใหญ่ดาหน้ากันออกมา
จินตนาการกันไปใหญ่ ถ้าวุ่นวายแบบพม่าแล้ว ลุงตู่จะแพ้ภัย แน่ใจหรือว่าเสียงปืนดังแล้ว นายใหญ่จะเข้ามานำ
ยกขบวนกันมา หน้าช้ำทั้งนั้น ลืมภาพวันลงจากเวทีราชประสงค์แล้วหรือ ลืมคนที่ติดคุกเพราะทำตามนายใหญ่สั่ง
เจ็บแล้วต้องจำ”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“แผนให้เต้น ชิงแกนนำส้ม ถูกวางไว้นานแล้ว
- ให้แกนนำ/ท่อน้ำเลี้ยงแดง มาอยู่หลังฉากม็อบ (พวกนี้คือคีย์แมน ทำอะไรก็ห้ามผิด ใครขวาง ใครถามเงินบริจาคก็จะโดนถีบออก)
- เซ็ทให้เด็กรุ่นใหม่คืนดีกับแดง โดยให้แกนนำ นศ.ปราศรัยขอโทษเสื้อแดง (เป็นข้ออ้างหนึ่งที่เต้นใช้ในการเข้าร่วมม็อบส้ม)
- เปิดคลิป “เสียงจากดินสู่ฟ้า” ของเต้น ตามมหาลัย เพื่อให้เต้นเป็นผู้นำทางความคิดของ นศ.
- เอามวลชนแดงมาช่วยม็อบอย่างต่อเนื่อง จนหลังๆ แดงแทบจะกลืนไปหมดแล้ว
- ด้วยความที่เต้นมันเป็นนักพูด ก็จะมีการทำคอนเทนท์อวยวาทกรรมของเต้น ที่ดูจับต้องได้มากกว่า ทอนแอนด์บูด
- ทอนบูดช่อ กลายเป็นสินค้าชำรุด เรียบร้อย
- เต้นออกจากคุก ติดกำไลอีเอ็ม ทำตัวเงียบกริบ เพื่อรอให้พ้นการพักโทษ จนพ้นโทษ
- โทนี่ โผล่คลับเฮ้าส์ รัวๆ เพื่อชิงเป็นผู้นำทางความคิดคนรุ่นใหม่
- กิจกรรมกลุ่มแคร์ ชูโทนี่ โดยใช้ นักคิด นักเขียน ที่เข้าร่วมเป็นตัวเชื่อมเด็ก รุ่นใหม่
- พอแกนนำมุ้งมิ้งโดนรวบเรียบร้อย เต้นก็ถอดกำไลอีเอ็มพอดี
- ตู่ เตรียมยกตำแหน่งประธาน นปช. ให้เต้น เพื่อไปนำม็อบมุ้งมิ้ง
- ขอบคุณ รมว.ยุติธรรม 😂😂😂😂😂”
แต่อีกด้าน สื่อบางฉบับวิเคราะห์เบื้องลึกว่า ทั้งสองคน “ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” กับ “เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แยกทางกันเดินนานแล้ว หลังจากเคยร่วมกันก่อตั้ง “แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” (นปก.) ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็น นปช. เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่อต้านรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังการรัฐประหาร 2549 มาจนถึงจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552-2553 ในนามแกนนำคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ สองเกลอเริ่มกินแหนงแคลงใจกันตั้งแต่ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2554 เนื่องจาก นายใหญ่ มีโควตารัฐมนตรีให้ “กลุ่ม นปช.” เพียง “1 เก้าอี้” ทำให้ “ณัฐวุฒิ” ได้ส้มหล่น ในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วน “จตุพร” ต้องรอไปก่อน
โดยมีสัญญาใจกันว่า จะสลับกันนั่งเก้าอี้เสนาบดี เมื่อมีการปรับ ครม.ในช่วงปลายปี 2555 ทว่า คำสัญญาที่เคยให้กันไว้กลับถูกลบทิ้ง “จตุพร” ตายใจคิดว่า “เพื่อน” จะไม่หักหลัง ไม่ได้เดินเกมให้ตัวเองได้นั่งเก้าอี้เสนาบดี เพราะหลงคิดว่า ตัวเองมี “นายใหญ่” คอยสนับสนุน ปรับ ครม.ก็นอนมา
ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” เดินเกมเข้าออกบ้าน “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จนถูกโยกจากเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้มานั่งเก้าอี้ “รมช.พาณิชย์” ที่ “เยาวภา” คอยคุมเกมอยู่เบื้องหลัง
แม้ “จตุพร” จะปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไร แต่การพลาดเก้าอี้เสนาบดีในครั้งนั้น ทำให้ “จตุพร” แทบจะไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้าไปสั่งเก้าอี้เสนาบดีอีกต่อไป ความเจ็บช้ำใจถูกเก็บสุมอกของ “จตุพร” มาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมกลืนเลือดทนเห็น “เพื่อนรัก” ได้ดิบได้ดี
จนกระทั่งรัฐประหาร 2557 ทั้ง “จตุพร-ณัฐวุฒิ” อยู่ในความสงบสยบความเคลื่อนไหว จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ประกาศจัดการเลือกตั้ง ทั้ง “จตุพร-ณัฐวุฒิ” จึงเคลื่อนเกมทางการเมืองอีกครั้ง แต่แยกทางกันเดินอย่างชัดเจน
กล่าวคือ ศึกเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 “จตุพร” แท็กทีมกับ ยงยุทธ ติยะไพรัช, สงคราม กิจเลิศไพไรจน์ ตั้งพรรคเพื่อชาติ (พช.) เดินสายหาเสียงทั่วประเทศ แต่ช่วงโค้งสุดท้าย “จตุพร” ประกาศแยกกันเดินกับ “ยงยุทธ-สงคราม” ท่ามกลางข้อครหาเรื่องเงินๆ ทองๆ พร้อมข่าวปล่อย “เงินขวัญถุง” จากค่ายสีเขียว
ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” แยกออกมาร่วมพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำทีม นปช. อาทิ ธิดา ถาวรเศรษฐ์, เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง ก่อนถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ทำให้หมดสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้ง
ภาพ นปช.แตกหักมาปรากฏชัดอีกครั้ง หลัง “จตุพร” เสนอให้ยุบ นปช. ขณะที่ นปช.ปีก “ณัฐวุฒิ-ธิดา-เหวง-ก่อแก้ว” ไม่ยอมให้ยุบ เพราะมองว่า ไม่ใช่องค์กรของใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้ข้อเสนอดังกล่าวสลายหายไปอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไป ภาพแบ่งขั้ว นปช. กลับมาชัดเจนอีกครั้ง หลัง “จตุพร” นำสำนักข่าว Peace News ออกจากตึกอิมพีเรียล ลาดพร้าว ของ “สงคราม” ไปตั้งสถานีโทรทัศน์พีซทีวีแห่งใหม่ อยู่ในซอยรามอินทรา 40 (ซอยวัดนวลจันทร์) ว่ากันว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของเครือข่าย “คนแจกกล้วย” ของรัฐบาล
ด้าน “ณัฐวุฒิ” และแกนนำ นปช. อพยพไปอยู่ที่ศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ ที่อาคารเอเวอรี่มอลล์ (นิวเวิลด์เดิม) สี่แยกแคราย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นรังเก่าของ “ธิดา” อยู่ก่อนแล้ว
มาวันนี้ “จตุพร” หันไปจับมือ “อดุลย์ เขียวบริบูรณ์” ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 และกลุ่มเพื่อนอานันท์ เดินเกมการเมืองนอกสภาในนาม “สภาที่ 3” ประกาศลงสนามเริ่มไล่ “ประยุทธ์” ในวันที่ 4 เม.ย.นี้
“จตุพร” ชูธง “สามัคคีทุกสี” ไล่ประยุทธ์ โดยไม่แตะเรื่องสถาบันฯ ทำให้แนวร่วม “ม็อบ 3 นิ้ว” ไม่พอใจท่าทีของ “จตุพร” จนแนวร่วมโลกออนไลน์ออกมาโจมตี กล่าวหาว่า สู้ไปกราบไป รับงานมาลดเพดานการชุมนุม
ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” หลังถอดกำไลอีเอ็ม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันที โดยแสดงจุดยืนของอยู่ข้าง “เยาวชน-ม็อบ 3 นิ้ว” ทำให้ได้ใจ 3 นิ้วอย่างมาก แต่หากจับไต๋ให้ดี “ณัฐวุฒิ” ก็ไม่ประกาศชัดเจนว่า จะสนับสนุนการชุมนุม "ทะลุฟ้า"หรือไม่...(ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน" ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.วันนี้ (4 เมษายน 2564) โดยขอร้องไปยังประชาชนที่จะเข้าร่วมการเคลื่อนไหว ขอกรุณาได้คิดทบทวนอีกครั้ง ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติ บ้านเมือง และประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการชุมนุม อีกทั้งยังเกรงว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นการรวมคนหมู่มากนั้น อาจส่งผลให้เกิดการระบาดเชื้อโควิด-19 ได้อีก
“ขอให้ประชาชนที่จะร่วมเคลื่อนไหวอย่าหลงเชื่อ หรือตกเป็นเครื่องมือของนายจตุพรและพวก เพราะผมมั่นใจว่าการเรียกร้องในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริง แต่เป็นเพียงการออกมาหาผลประโยชน์ส่วนตัวและทำตามใบสั่งของคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง หวังทำลายบ้านเมืองให้เกิดกลียุคเท่านั้น”
นายเสกสกล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนปี 2553 ที่นายจตุพรกับพวกแกนนำ ออกมานำม็อบ สร้างความรุนแรง จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ในฐานะตนเคยร่วมชุมนุมด้วยกันมา จึงรู้นิสัยของแกนนำเหล่านี้ดีว่า ไม่มีจุดยืนอุดมการณ์อะไรเลย ทำเพื่อตนเองและทำตามใบสั่งเท่านั้น บ้านเมืองจะฉิบหายพังพินาศย่อยยับเพียงใดไม่สนใจ ขอเพียงมีแค่ผลประโยชน์ตอบแทนที่ให้มา น่าอับอายที่สุด
“ขอร้องไปยังประชาชนอย่าตกหลุมพรางของนายจตุพร ที่ประกาศการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพราะอาจต้องการหลอกให้ประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของนายจตุพรเอง และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ อาจนำไปสู่ความรุนแรงอีกได้ เพราะแกนนำจะพาผู้ชุมนุมไปทำผิดกฎหมาย แต่แกนนำกับสุขสบายได้รับผลตอบแทนมหาศาลเหมือนอดีตที่ผมรู้ดีที่สุด”
นายเสกสกล กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันตนเองยังมั่นใจว่า อาจถูกนำไปผสมโรงกับการเคลื่อนไหวกับกลุ่มที่จาบจ้วง ก้าวล่วง ล้มล้างสถาบันได้ จึงอยากขอให้พี่น้องประชาชนที่กำลังจะเข้าร่วมการชุมนุมคิดทบทวนให้ดี หากวันนี้มีคนไม่เข้าร่วมชุมนุม หรือมีคนน้อย นายจตุพรก็จะพิจารณาตัวเองไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป ถ้ามวลประชาชนต้องการพิสูจน์ให้นายจตุพร พิจารณาตัวเองและไม่สร้างความวุ่นวายอีกต่อไป ไม่ควรไปร่วมชุมนุม เพราะอาจถูกชักนำให้ไปทำผิดกฎหมายได้ ดังเช่นในอดีต แกนนำสู้แล้วเอาตัวรอด ไม่เคยเหลียวแลห่วงใยมวลชนเลยสักนิด จนทำให้อดีตคนเสื้อแดง รู้พฤติกรรมนายจตุพรและพวกเป็นอย่างดี...
แน่นอน, ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ ก็คือ แต่ละม็อบล้วน มีเจ้าของ?
เริ่มจาก ม็อบ 3 นิ้ว หรือ ม็อบปฏิรูปสถาบัน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า นักการเมืองบางคณะ พรรคการเมืองบางพรรคอยู่เบื้องหลัง ไม่นับว่าอาจมีมากกว่านั้น
และดูเหมือนกำลังจะถูกกลืนโดยแกนนำและมวลชนคนเสื้อแดงในเวลาอันใกล้ หลังจากแกนนำคณะราษฎร 2563 ถูกคดีผูกมัดเอาไว้แน่น
ม็อบ 4/4/4 นำโดย จตุพร และแกนนำหลากสี รวมทั้งปรากฏชื่อ กลุ่มเพื่อนอานันท์ ก็เริ่มเห็นความชัดเจนว่า “ไผเป็นไผ” กลุ่มนี้ไม่แตะเจ้า พุ่งเป้าขับไล่ลุงตู่ออกไป
จึงน่าจับตามองว่า การต่อสู้มีเป้าหมายเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อสวมแทน? หรือไม่ ซึ่งแน่นอนย่อมมีบางคนที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจน
ดังนั้น สิ่งที่น่าพิจารณาม็อบวันนี้ จะมองเพียงผิวเผินไม่ได้เป็นอันขาด เพราะดูเหมือนจังหวะโอกาสที่รัฐบาลถูกรุมเร้าด้วยม็อบอย่างนี้ เป็นจังหวะดีของนักฉวยโอกาสอย่างไม่ต้องสงสัย จึงดูเหมือนลึกลับซบซ้อนซ่อนเงื่อน ทั้งที่มาและที่ไป รวมทั้งใครจะได้ผลประโยชน์ในที่สุด ซึ่งประชาชนก็คงเป็นได้แค่ข้ออ้างเพื่อความชอบธรรมเท่านั้น หรือว่าไม่จริง?