“โรม” ฟ้อง “สิระ-ชัยยันต์” คนละ 50 ล้าน ปมหมิ่นประมาทกล่าวหาเท็จ กรณีนำพวกบุกรุกเกาะงำ ภูเก็ต ย้ำเสียใจชัยยันต์ร่วมด้วยทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายค้านอุดมการณ์ร่วมกัน
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ศาลอาญารัชดา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายวรวิทย์ นิติบริรักษ์ ทนายความ ได้เดินทางมาเพื่อยื่นฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท กรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ในฐานะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 และ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา โดยมีการกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาท ใส่ความ ทำให้นายรังสิมันต์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยมีเจตนาที่จะเผยแพร่การแถลงข่าวไปสู่ประชาชนโดยทั่วไปด้วยเจตนาทุจริต
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พฤติกรรมของนายสิระ และ นายชัยยันต์ ที่เข้าข่ายใส่ความหมิ่นประมาทจนเป็นเหตุแห่งการนำมาฟ้องในคดีนี้ คือ พฤติกรรมที่ทั้งคู่ร่วมกันแถลงข่าวกรณีเกาะงำ จ.ภูเก็ต และได้ใส่ความกล่าวหาว่าผมคุกคามพี่น้องประชาชน กักขังหน่วงเหนี่ยวพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่าผมนำเด็กไปควบคุมตัว กล่าวหาว่าผมมีนายทุนคอยหนุนหลัง ซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ถือเป็นข้อความเท็จ และทำให้ผมเสียหาย โดยสาเหตุที่มีการคิดค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาทนั้น เนื่องจากทนายความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทำให้ประชาชนดูหมิ่นเกลียดชังและเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนชั่วร้าย เป็นคนไม่ดี ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้กระทำการใดตามที่จำเลยทั้งสองกล่าวหาใส่ความเลยแม้แต่น้อย การแถลงข่าวของจำเลยทั้งสองถูกนำเสนอข่าวไปยังสื่อมวลชนหลายสำนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อโจทก์เป็นวงกว้าง
นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อันที่จริงตนเองทบทวนการฟ้องคดีนี้อยู่หลายครั้ง เนื่องจากยังคงอยากรักษาบรรยากาศในการทำงานในคณะกรรมาธิการ นอกจากนี้ ยังรู้สึกเกรงใจพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่พฤติกรรมของนายสิระ และนายชัยยันต์ ในกรณีนี้ ไม่ใช่การโต้เถียงหรือวิพากษ์วิจารณ์กันในทางการเมือง แต่ถึงขนาดกล่าวหาว่าตนอุ้มเด็ก กล่าวหาว่าแอบอ้างตำแหน่งกรรมาธิการ กล่าวหาว่า มีผลประโยชน์แอบแฝงกับนายทุน ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยทำ
“จริงๆ แล้วทั้งสองท่านเป็นผู้ใหญ่ ในประเด็นทางการเมืองในห้องประชุม เราอาจจะถกเถียงกันบ้าง เห็นต่างกันบ้าง ก็เป็นเรื่องในเชิงอุดมการณ์หรือความคิด แต่คราวนี้ไม่ใช่การถกเถียงกันในเชิงอุดมการณ์ มันเป็นการเอาเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงมาทำร้ายกัน ซึ่งตอนได้ยินครั้งแรกผมเสียใจมาก โดยเฉพาะกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน ไม่น่าทำกันได้” นายรังสิมันต์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายรังสิมันต์ โรม ยื่นฟ้องต่อเจ้าหน้าที่ธุรการ ศาลประทับรับคำร้อง พร้อมนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งเเรก วันที่ 19 กรกฎาคม 2564