ครม.เห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 31 พ.ค. พร้อมไฟเขียวร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ นายกฯ กำชับหัวหน้าพรรคให้ความสำคัญกฎหมายประชามติ-รธน.
วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. - 31 พ.ค.นี้ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ความเห็นชอบ นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตามที่ ศบค.เห็นชอบแนวทางไปก่อนหน้านี้ด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังกล่าวว่า ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญ พ.ศ. ... ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งว่าการประชุมสมัยวิสามัญที่เพิ่งผ่านพ้นมาได้มีการพิจารณาเรื่องด่วนที่สำคัญ คือ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อกฎหมาย และ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติในวาระที่ 2 ซึ่งพิจารณาได้ในบางมาตราเท่านั้น แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดที่ต้องพิจารณาด้วยในวาระที่ 2 และ 3 แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด
นายอนุชากล่าวต่อว่า ดังนั้น ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกประชุมสมัยวิสามัญอีกครั้ง ในช่วงวันที่ 7-8 เม.ย. 64 โดยจะมีการประกาศแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีการทำประชามติ ยืนยันว่านายกฯ มีความจริงใจที่จะให้กฎหมายต่างๆ ได้ดำเนินการผ่านรัฐสภาตามความเหมาะสม โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้กำชับให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคให้ความสำคัญกับกฎหมายต่างๆ เหล่านี้ ทั้งกฎหมายประชามติ และกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย