นายกฯ ยันอีกครั้ง ไทยไม่ได้ส่งเสบียงกองทัพเมียนมา ระบุกองข้าว 700 กระสอบ ที่สบเมยเป็นการค้าขายปกติของพ่อค้า ยันต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกี่ยวสถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน ย้ำเพื่อบูรณาการโควิด
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกองข้าวสาร 700 กระสอบ ที่ตั้งอยู่ที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ยังมีข้อเคลือบแคลง และถูกโยงในลักษณะว่าไทยสนับสนุนกองทัพเมียนมา ว่า ต้องเข้าใจว่า เรื่องการค้าขายเป็นปกติ ซึ่งเราไม่ต้องการให้เขาเข้ามาซื้อในประเทศไทย ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือทางทหาร ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่เป็นการสั่งซื้อพ่อค้าของไทยไปฝั่งเมียนมา เพราะมีประชาชนเมียนมาที่อยู่ตามสันเขาหรือตามชุมชนต่างๆ 100 กว่าจุด ซึ่งเป็นมาหลายปีที่ผ่านมา จึงต้องสร้างความเข้าใจด้วย ดังนั้น เรื่องนี้คงไม่ต้องแถลงชี้แจงอีก เพราะตนก็พูดแล้ว กระทรวงกลาโหมและกองทัพก็พูด จึงขออย่าไปเปิดประเด็น
“อะไรที่ไม่เป็นปัญหา ทำไมต้องไปทำให้เป็นปัญหาก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมยืนยันความชัดเจนว่า ทหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนย้ายข้าวอะไรต่างๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องของพ่อค้าคนไปส่งแล้วเขาก็มารับไปเท่านั้นเอง และผมก็ได้พูดเรื่องมนุษยธรรมว่าเขาจะอยู่กันยังไงฝั่งโน้น เพราะสมัยก่อนอยู่กันสันเขาแล้วลงมาซื้อบ้านเรา ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มีการข้ามแดนไปมาในลักษณะอย่างนี้ เป็นแบบนี้นานมาแล้วเป็น 10 ปี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปถึง 2 เดือน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเมียนมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยว แต่เกี่ยวเฉพาะเรื่องการบูรณาการและการใช้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายปกติ เช่น การให้ทหารหรือตำรวจมาดูแลเรื่องสถานที่ควบคุมโรคหรือไปตรวจตามถนนหนทาง ซึ่งหลายหน่วยงานไม่มีกฎหมายตัวนี้ ดังนั้น ย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานต่างๆให้สามารถทำงานได้ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขก็ระบุว่าจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นี้ ก่อน เพราะหน่วยงานเดียวคงไม่ไหวในการดูแลในพื้นที่ต่างๆ ตั้งด่านตรวจจุดสกัด รวมถึงการควบคุมชายแดนด้วย