“จุรินทร์” ลั่น ปชป.ดันแก้ รธน.สุดทางแล้ว ยังหวังจับมือ รบ.สะเดาะกุญแจ ม.256 ต่อไป พร้อมเดินหน้าโหวตผ่าน กม.ประชามติ อ้างต้องอยู่ร่วม รบ.เพื่อผลักดันแก้ รธน.ต่อไป ย้ำ ปชป.ให้ความสำคัญแก้ปัญหาปากท้อง-แก้ รธน.พร้อมกัน
วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคได้ทำหน้าที่สุดทาง สุดความสามารถแล้วในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าพรรคจะยืนอยู่จุดเดิมต้องการให้รัฐธรรมนูญและประเทศเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขณะนี้ที่คิดได้แบบเร็วๆ อย่างน้อยเราต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยกล่าวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ากุญแจดอกใหญ่ที่คล้องประตูประชาธิปไตยไว้ไม่ให้เปิดออกหรือเปิดได้ยาก คือ มาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งกำหนดไว้อย่างซับซ้อน เช่น การลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และในจำนวนนั้นต้องเป็นเสียงของ ส.ว.84 เสียง และต้องมีเสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20
“ฉะนั้น ถ้าไม่สะเดาะกุญแจดอกนี้ออกเสียก่อน ประตูประชาธิปไตยก็จะเปิดออกยาก และการจะแก้ไขมาตราอื่นๆ ก็จะแก้ไขไม่ได้เลย หรือยากมาก ทั้งนี้ การจะยื่นแก้ไขมาตราดังกล่าวก็จะต้องหารืออีกครั้งในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ต่อไป เพราะพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวเสียงไม่เพียงพอที่จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา”
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อการทบทวนท่าทีการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เรื่องการร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบคนเดียวไม่ได้ ไม่ใช่แปลว่าไม่มีอำนาจ แต่ประชาธิปัตย์นั้นไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตอบคนเดียวได้ ทุกคนก็ทราบอยู่แล้ว แต่ ณ นาทีนี้คิดว่าสิ่งที่เราจะต้องคิดต่อไปเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องเดินหน้าที่จะหารือกันกับพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปด้วยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และความเห็นประชาธิปัตย์ก็ชัดเจนอย่างที่ได้เรียนไปแล้ว
เมื่อถามว่าจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับที่ประชุมพรรคหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ใครคนใดคนหนึ่งตอบไม่ได้ และบางเรื่องเป็นเรื่องอนาคตซึ่งไม่สามารถตอบเดี๋ยวนี้ได้ แต่ตราบใดที่เรายังทำหน้าที่ในรัฐบาลเราก็จะต้องทำหน้าที่ในการผลักดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปให้สำเร็จให้จงได้ อันนี้ก็คือความคิดที่มีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า หากสมาชิกเรียกร้อง หรือกระแสสังคมเรียกร้องให้ทบทวนจะทำได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ เพราะประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรรคการเมืองของใครคนใดคนหนึ่ง จึงต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ กติกาของพรรค ตอนเข้าร่วมรัฐบาลก็มีการลงมติ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมีกฎเกณฑ์กติกา แต่ภารกิจเฉพาะหน้านี้ตนคิดว่าควรจะได้เดินหน้าต่อไปที่มีความชัดเจนอย่างที่ได้เรียนไปแล้ว ก็คือการที่จะต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ด้วยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ถามถึงสถานการณ์การเมืองในอนาคตที่อาจจะมีการยุบสภา นายจุรินทร์กล่าวว่า การยุบสภาเป็นกลไกหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะยุบสภาได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะย้อนกลับไปที่ความเห็นของสังคมเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ระบุไว้ว่าหากมีการยุบสภาเราก็จะย้อนกลับไปใช้กติกาเดิมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การเมืองก็อาจจะย้อนมาที่เดิม หลายคนอาจเกิดคำถามว่าทำไมยุ่งแต่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาปากท้อง ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำสองเรื่องนี้พร้อมกัน และให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย
เมื่อถามถึงการจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะทำประเด็นใด แต่เราจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ให้ได้ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญที่จะใช้ดำเนินการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะมีการกำหนดว่าหากจะแก้ไขบางมาตราจำเป็นต้องทำประชามติ ฉะนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายประชามติ การแก้รัฐธรรมนูญก็จะมาติดหล่ม ดังนั้น เราต้องผ่านกฎหมายประชามติไว้ก่อนเพื่ออนาคต