xs
xsm
sm
md
lg

“อริย์ธัช”ชมรุกตรวจ ‘คลัสเตอร์บางแค’ มาถูกทาง ให้กำลังใจทีมแพทย์อย่าท้อ หนุนใช้เทสคิตเพื่อประชาชนคัดกรองตัวเองได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(17 มี.ค.)นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง พรรคกล้า กล่าวว่า หลายคนคงตกใจเมื่อทราบตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 อยู่ดีๆก็พุ่งขึ้นสูงถึงภายในเวลาไม่กี่วัน ในพื้นที่หลักคือเขตบางแค และมีความกังวลว่า สถานการณ์แบบนี้จะนำไปสู่การล็อกดาวน์อีกหรือไม่โดยเฉพาะเป็นช่วงใกล้กับเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหลายคนหวังว่าจะมีรายได้ฟื้นกลับมาบ้างในช่วงนั้น เพราะการล็อกดาวน์ 2 ครั้ง ที่ผ่านมาต่างได้รับผลกระทบอย่างมากจนเกือบจะรับไม่ไหวแล้ว

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า แนวโน้มแบบนี้มีความสำคัญจึงต้องตระหนัก แต่ไม่อยากให้กลายเป็นความตื่นตระหนก เพราะครั้งนี้เราสามารถเลือกใช้วิธีการรับมือที่แตกต่างจากการระบาดระลอกที่ผ่านมาได้ เนื่องจากมีประสบการณ์ มีทีมแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็ง และมีเวลาในการเตรียมความพร้อมรับมือจำนวนผู้ป่วยหนักที่มากขึ้น สิ่งที่ต้องกังวลก่อนหน้านี้ก็คือการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยคราวละมากๆโดยเฉพาะผู้ป่วยหนักที่ต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่าง เช่น เครื่องช่วยหายใจ ห้องความดันลบ ยารักษา หรืออื่นๆ ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาได้มีการเตรียมพร้อม ซึ่งผู้ป่วยส่วนนี้คิดเป็นร้อยละ 5 ของผู้ติดเชื้อเท่านั้น เพียงแต่สิ่งที่น่ากลัวของไวรัสนี้คือระบาดได้แม้ไม่แสดงอาการ จึงอาจเพิ่มจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้ได้ครั้งละรวดเร็วในเวลาเดียวกันจนเกินการรองรับทางสาธารณสุขโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตั้งแต่มีข่าวการพบผู้ติดเชื้อในเขตพื้นที่บางแค พบว่า ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 64 เป็นต้นมา ทำให้มีตรวจเชื้อประชาชนในเขตพื้นที่ไปแล้วทั้งสิ้น 4,991 ราย เป็นที่มาของการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในคราวเดียวกัน 224 ราย ไม่ติดเชื้อ 3,086 ราย และรอผลการตรวจอีก 1,681 ราย ซึ่งการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากนี้ต้องถือว่าเป็นผลสำเร็จในการตรวจเชิงรุก ซึ่งจะเป็นผลดีในการวางแผนรับมือผู้ติดเชื้อต่อไป

“ผมอยากให้มองตัวอย่างการควบคุมการระบาดของโควิด 19 ของประเทศสิงคโปร์ ช่วงหนึ่งเวลาเราได้ยินรายงานตัวเลขการติดเชื้อจำนวนมากก็จะรู้สึกว่าจะต้องมีการเสียชีวิตจำนวนมากเหมือนที่เกิดในอิตาลี บราซิล หรืออเมริกา แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ตัวเลขที่พุ่งสูงมาจากการที่เขาพยายามตรวจให้ได้มากที่สุด หาให้เจอเยอะที่สุด และกักกันเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ ดังนั้น แม้จำนวนตัวเลขการติดเชื้อจะสูงมาก แต่สิงคโปร์กลับมีคนป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจำนวนน้อยมาก ซึ่งนี่ก็คือแนวทางตรงกับที่เรากำลังทำ”นายอริย์ธัช กล่าว

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า ในการสู้วิกฤตนี้ทีมแพทย์และสาธารณสุขต้องทำงานกันอย่างหนักมาโดยตลอด รวมถึงต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงอยากขอให้กำลังใจ อย่าเพิ่งท้อ และให้ขอเป็นกำลังใจหน่วยงานที่สนับสนุนอื่นๆด้วย ตราบใดที่ประชาชนยังคงไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนที่มากพอในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้น สถานการณ์แบบนี้จะยังคงเกิดต่อไป ซึ่งจะสร้างผลกระทบทั้งทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ดังนั้น วัคซีนจึงยังคงเป็นความหวังที่อยากฝากให้รัฐบาลทำให้สำเร็จโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่แผนวัคซีนอาจยังมีความสับสนหรือมีอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ นอกจากแนวทาางป้องกันโรคอย่างการล้างมือบ่อยๆหรือสวมหน้ากากอนามัยที่ยังต้องทำต่อแล้ว สิ่งที่อยากเสนอให้ทำมากขึ้นคือการเสริมเขี้ยวเล็บให้การตรวจเชิงรุกทำได้ให้เข้มแข็งขึ้น มากขึ้น เร็วขึ้น และรัดกุมขึ้น จากการสังเกตการตรวจเชิงรุกที่เขตบางแค แม้จะทำได้ดีในการคัดกรองพบผู้ติดเชื้อโดยเร็ว แต่จากภาพที่เห็นในการจัดคิวการตรวจพบว่ายังเป็นลักษณะของคนนับพันไปออต่อแถวที่จุดตรวจคราวละมากๆ นี่จึงอาจกลับกลายเป็นการแพร่เชื้อไป การจัดการในแง่นี้จึงต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นด้วย

นายอริย์ธัช ยังกล่าวต่อว่า ยังอยากเสนอให้มาตรการตรวจเชิงรุกต้องเป็นมาตรการสำคัญเร่งด่วนในระยะนี้ เพื่อคัดกรองและคัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด และควรต้องรีบวางระบบให้เสร็จก่อนจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงสงกรานต์ โดยอาจมีเตรียมการเพิ่มจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกขึ้น และกระจายไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น สำนักงานเขตต่างๆ สถานนีขนส่งมวลชนหลัก สถานีรถไฟ และหากเป็นไปได้ควรจัดซื้อชุดเทสต์คิตตรวจคัดกรองฟรีแจกจ่ายให้ประชาชนตรวจเองได้ เช่นเดียวกับแนวทางที่ประเทศเกาหลีใต้นำมาใช้รับมือโควิดสำเร็จโดยไม่ต้องมีการล็อกดาวน์แบบสนิท

“แม้ว่าการตรวจแบบรู้ผลเร็วจะไม่สมบูรณ์ที่สุด หรืออาจต้องเข้ารับการตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันซ้ำ แต่อย่างน้อยการตรวจเชิงรุกแบบนี้จะสามารถทำให้คนที่รู้สึกว่ามีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อรับรู้สถานะเบื้องต้นของตัวเองได้ กล้าที่จะให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น เข้าใจว่าก่อนนี้ที่ไม่นำแนวทางนี้มาใช้ เนื่องจากกลัวว่าจะมีการแปรผลผิดแล้วจะชะล่าใจกลายเป็นผู้แพร่เชื้อ แต่อยากให้เชื่อใจประชาชนว่าในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้ไม่พบเชื้อก็ไม่มีใครอยากเอาตัวไปเสี่ยงอยู่แล้ว ระบบสุขภาพควรเปลี่ยนมุมมอง โดยมองจากเจ้าตัวเป็นเจ้าของระบบุสุขภาพแล้วรัฐเปลี่ยนเป็นผู้สนับสนุนให้เขาสามารถประเมินตนเองได้ และไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะไม่มีความรู้ เพราะปัจจุบันการพัฒนาตนเองให้ทันเรื่องระบบสุขภาพเป็นอะไรที่ประชาชนตื่นตัวมาก อย่าลืมว่าบางคนทำได้ถึงขั้นใช้เข็มฉีดยาฉีดอินซูลินเอง วัดความดันเอง ตรวจครรภ์เอง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยาก หากจะทำให้การตรวจคัดกรองโควิดเป็นเรื่องที่ประชาชนทำด้วยตนเองได้เหมือนแนวทางที่ทำได้สำเร็จที่เกาหลีใต้” นายอริย์ธัช กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น