ศาล รธน.เคาะมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง “เรืองไกร-ณฐพร” ขอวินิจฉัยสมาชิกรัฐสภาเสนอแก้ไข รธน.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ระบุยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอ
วันนี้ (11 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องที่ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 49 ว่า การที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และคณะ เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ...) พ.ศ.... และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ และคณะ เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ต่อประธานรัฐสภา และนำเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา โดยที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระที่ 1 เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 มาตรา 49 มาตรา 255 และมาตรา 256 ประกอบมาตรา 5 เป็นการใช้สิทธิ และเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ที่ขอให้วินิจฉัยว่า สมาชิกรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามญัตติที่ 1 จำนวน 576 คน และสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามญัตติที่ 2 จำนวน 647 คน ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ทั้ง 2 ฉบับในวาระที่ 1 การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง เนื่องจากศาลเห็นว่า ตามคำร้องการกระทำของนายสมพงษ์ และคณะ และ นายวิรัช กับคณะ และสมาชิกรัฐภา ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอและยังห่างไกลเกินเหตุที่จะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง